ภาพจาก http://travel.kapook.com/view87094.html ดาลัดได้รับการขนานนามให้เป็นเมืองดอกไม้ เพราะเมืองแห่งนี้เป็นที่ขึ้นชื่อเรื่องสีสันของดอกไม้อันงดงามหลากหลายสายพันธุ์ อีกทั้งเมืองดาลัดยังมีงานเทศกาลดอกไม้ประจำปีอันลือชื่อ ซึ่งเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวทั้งจากในและนอกประเทศ โดยสวนดอกไม้เมืองหนาวซึ่งถูกสร้างขึ้นในปี 2509 นี้ ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของทะเลสาบซวนเฮืองที่อยู่ใจกลางเมืองดาลัด ที่สวนดอกไม้เมืองหนาว เราจะได้พบกับพรรณไม้นานาชนิด ไม่ว่าจะเป็นไม้ดอก ไม้ประดับ ไม้ต้น และกล้วยไม้ รวมถึงดอกไม้กว่า 300 สายพันธุ์ ที่ผลัดกันเบ่งบานในช่วงเวลาต่างกันไปในรอบปี นั่นทำให้ไม่ว่านักท่องเที่ยวจะไปเยือนสวนแห่งนี้ในช่วงเวลาใดก็ตาม ก็ยังสามารถพบกับดอกไม้สวย ๆ ที่เบ่งบานรอต้อนรับอยู่เสมอ และในบางโอกาสเรายังจะหาซื้อดอกไม้สวย ๆ ที่จัดช่อไว้อย่างงดงามได้ที่สวนแห่งนี้อีกด้วย
เครซี่เฮ้าส์ (Crazy House)
ภาพจาก http://travel.kapook.com/view87094.html เป็นเรื่องยากที่จะหานักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังเมืองดาลัดแล้วไม่แวะไปเยือน เครซี่เฮาส์ บ้านตุ๊กตาและแกลลอรี่ศิลปะแห่งนี้ ซึ่งเป็นที่โด่งดังด้วยคอนเซ็ปต์อันแปลกแหวกแนว ในรูปแบบเหมือนกับบ้านต้นไม้ ผลงานการออกแบบของสถาปนิกDang Viet Nga โดยเริ่มก่อสร้างในปี 2533 ภายในเครซี่เฮาส์ประกอบไปด้วยห้องขนาดเล็กกว่า 10 ห้อง ที่มีธีมแยกแตกต่างกันออกไป และที่นี่เราจะได้พบกับความประทับใจจากการเยี่ยมชมที่ต้องใช้เส้นทางทั้งอุโมงค์ บันได และยังจะได้พบกับเหล่าสัตว์ต่าง ๆ ที่สร้างขึ้นจากคอนกรีต รวมทั้งหากเราโชคดีก็อาจจะได้มีโอกาสพบปะและพูดคุยกับ Dang Viet Nga เจ้าของผลงานการออกแบบ เครซี่เอาส์ ด้วย
ภูเขาทรายสองสีที่หมุยแหน
ภาพจาก http://travel.kapook.com/view71662.html นักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังที่แห่งนี้รับรองได้เลยว่าจะได้สัมผัสถึงบรรยากาศที่ใกล้เคียงกับทะเลทราย เพราะภูเขาทรายที่หมุยแหนหรือที่หลายคนคุ้นเคยกับสำเนียง “มุยเน่” นั้น มีขนาดใหญ่และอยู่ติดกับชายทะเล จึงมีแดดและลมที่แรงมากทีเดียว ที่นี่มีเนินทรายอยู่ 2 แห่ง คือ ภูเขาทรายขาวและภูเขาทรายแดง ซึ่งภูเขาทรายขาวนั้นมีอีกชื่อเรียกหนึ่งว่า Bau Trang และมีร้านอาหารขนาดเล็กเปิดบริการสำหรับนักท่องเที่ยวด้วย สำหรับภูเขาทรายแดงแม้ว่าจะมีขนาดเล็กกว่า แต่เป็นที่นิยมมากกว่าในสายตาของช่างภาพ เนื่องจากสีทรายมีสีแดงเข้ม ถ่ายรูปออกมาแล้วสีสวยกว่าที่ภูเขาทรายขาว ส่วนกิจกรรมยอดฮิต คือ การเล่นกระดานเลื่อนบนเนินทรายสูงลงมาด้านล่าง ซึ่งอุปกรณ์สำหรับเล่นนั้นสามารถหาเช่าได้จากร้านที่ตั้งอยู่ใกล้ ๆ ภูเขาทราย ข้อมูลเพิ่มเติม : เปิดให้บริการตลอดทั้งปี แต่ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการมาเที่ยว คือ ช่วงเช้าหรือไม่ก็ช่วงเย็น เพราะตอนกลางวันถึงช่วงบ่ายนั้นอากาศและแดดแรงมาก
อุทยานแห่งชาติฟง งาเคบัง
ภาพจาก http://travel.kapook.com/view71662.html อุทยานแห่งชาติ Phong Nha-Ke Bang นั้นมีความโดดเด่นทางธรรมชาติและธรณีวิทยา เพราะมีวิวัฒนาการมาตั้งแต่สมัยยุคน้ำแข็ง หรือประมาณ 464 ล้านปีที่แล้ว และได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกอีกด้วย ปัจจุบันมีภูมิประเทศเป็นแบบหินปูนที่เก่าแก่ที่สุดในเอเชีย ในอุทยานฯ ยังเป็นที่ตั้งของถ้ำขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีถ้ำมากกว่า 300 ถ้ำ และปกคลุมไปด้วยป่าไม้เขตร้อน ที่เรียกได้ว่ามีความสมบูรณ์ทางระบบนิเวศมากที่สุดในแถบอินโด-แปซิฟิกด้วย นอกจากนี้ ยังปรากฏลักษณะทางภูมิประเทศที่สำคัญซึ่งไม่ค่อยพบเห็นได้ที่อื่น เช่น ลำธารใต้ดิน ถ้ำที่มีหินย้อยลงมาจากเพดาน ฯลฯ อีกทั้งยังมีพันธุ์สัตว์ที่กำลังจะสาบสูญไปจากโลกนี้ เช่น หมีดำ เสือ และช้าง ส่วนกิจกรรมสำหรับนักท่องเที่ยวประกอบด้วย เดินชมความงามภายในถ้ำ ปืนเขา เดินป่า เป็นต้น ข้อมูลเพิ่มเติม : ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของกรุงฮานอยลงไป 500…
พิพิธภัณฑ์สงคราม (War Remnants Museum)
ภาพจาก http://travel.kapook.com/view71662.html เปิดให้บริการครั้งแรกในปี ค.ศ. 1975 โดยใช้ชื่อว่า Museum of American War Crimes เป็นสถานที่จัดแสดงนิทรรศการเพื่อรำลึกถึงความเจ็บปวด ความเศร้าโศก เมื่อครั้งสงครามเวียดนาม ภายในมีการจัดแสดงเฮลิคอปเตอร์ ขีปนาวุธ รถถัง เครื่องบินจู่โจม ฯลฯ ซึ่งอาวุธเหล่านั้นเป็นอาวุธที่ทหารอเมริกันใช้โจมตีเวียดนาม อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ถูกกล่าวขานถึงมากที่สุดในพิพิธภัณฑ์ คือ กรงเสือ ที่นำมาใช้เป็นที่คุมขังนักโทษการเมืองถึง 14 คน รวมถึงเครื่องประหารชีวิตนักโทษการเมืองก็เป็นที่พูดถึงไม่แพ้กัน นับได้ว่าเป็นสถานที่ที่สามารถบอกเล่าเรื่องราวความเจ็บปวดลึก ๆ ในหัวใจของชาวเวียดนามได้เป็นอย่างดี ข้อมูลเพิ่มเติม : ตั้งอยู่ในเมืองโฮจิมินห์ เปิดทำการทุกวันตั้งแต่ 07.30-12.00 น. และ 13.00-17.00 น.
พระราชวังเว้
ภาพจาก http://travel.kapook.com/view71662.html เป็นพระราชวังของราชวงศ์เหงียน (Nguyen Dynasty) ซึ่งยังคงหลงเหลือให้เห็นในปัจจุบัน ภายในประกอบด้วย พระราชวัง สุสานของกษัตริย์และเชื้อพระวงศ์ เจดีย์ วัดวาอาราม ห้องสมุด และพิพิธภัณฑ์ สิ่งก่อสร้างต่าง ๆ สร้างขึ้นเมื่อประมาณศตวรรษที่ 19 แต่สำหรับสิ่งก่อสร้างที่สร้างความประทับใจให้แก่นักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก คือ ประตูทางเข้าพระราชวัง (Ngo Mon Gate) ซึ่งเป็นทางเดินเข้าสำหรับกษัตริย์ เชื้อพระวงศ์ และสุสานพระเจ้ามิงห์หมาง (The Tomb of Emperor Minh Mang) ซึ่งนอกจากจะเป็นพระราชวังที่ก่อสร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมที่สวยงามแล้ว ยังมีทิวทัศน์ที่งดงามไม่แพ้กัน จนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ข้อมูลเพิ่มเติม : ตั้งอยู่บริเวณใจกลางเวียดนาม เปิดให้บริการตลอดทั้งปี แต่นักท่องเที่ยวควรหลีกเลี่ยงการมาในช่วงฤดูฝนหรือช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม
ปราสาทหมีเซิน
ภาพจาก http://travel.kapook.com/view71662.html ปราสาทหมีเซินเป็นสิ่งก่อสร้างที่หลงเหลือมาจากอาณาจักรจามปาหรือช่วงศตวรรษที่ 4-15 สะท้อนให้เห็นถึงสถาปัตยกรรมของฮินดูที่เก่าแก่และสมบูรณ์ที่สุดในอินโดจีน ในอดีตปราสาทแห่งนี้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับบูชาพระศิวะ นอกจากตัวปราสาทแล้วยังมีรูปปั้น วัด และถูกห้อมล้อมไปด้วยป่าดงดิบ ในสมัยก่อนมีสิ่งก่อสร้างโบราณกว่า 70 หลัง แต่ในช่วงสงครามเวียดนามโบราณสถานฮินดูนี้ถูกระเบิดตกใส่ไปหลายแห่ง จนปัจจุบันเหลืออยู่เพียง 22 หลังเท่านั้น และที่สำคัญได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกอีกด้วย ข้อมูลเพิ่มเติม : ตั้งอยู่ในชุมชน Duy Tan จังหวัดกว๋างนาม (Quang Nam) หรืออยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองดานัง 70 กิโลเมตร และห่างจากเมืองฮานอย 40 กิโลเมตร และเปิดทำการตลอดทั้งปี สำหรับเวลาที่เหมาะสมในการมาเยี่ยมชม คือ ช่วงเช้า เพราะอากาศกำลังดี ไม่ร้อนจนเกินไป
อุโมงค์กู๋จี
ภาพจาก http://travel.kapook.com/view71662.html อุโมงค์แห่งนี้มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน ตั้งแต่สมัยสงครามเวียดนาม ใช้เป็นที่หลบภัยจากระเบิด ที่สำหรับประชุมของกองกำลังเวียดกงในสมัยที่รบกับสหรัฐอเมริกา อุโมงค์ถูกสร้างขึ้นให้มีหลายชั้นและแต่ละชั้นจะมีระบบกรองอากาศที่มีประสิทธิภาพ เพื่อความอยู่รอดของทหาร ภายในอุโมงค์ประกอบไปด้วยโรงพยาบาล ห้องประชุม และห้องพัก สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจะได้รับชมหนังสั้นที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับสงครามเวียดนามก่อน เพื่อจะได้เข้าใจความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ได้ง่ายขึ้น นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวอย่างล้นหลาม ข้อมูลเพิ่มเติม : ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองโฮจิมินห์ 70 กิโลเมตร และเปิดให้บริการตลอดทั้งปี
สุสานโฮจิมินห์
ภาพจาก http://travel.kapook.com/view71662.html สุสานบรรจุศพแห่งนี้ตั้งอยู่ที่เมืองฮานอย ภายในอนุสาวรีย์มีโลงแก้วบรรจุร่างของ โฮจิมินห์ หรืออดีตนายกรัฐมนตรีและประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนาม แต่คนเวียดนามมักเรียกกันว่า “ลุงโฮ” ส่วนรูปแบบสถาปัตยกรรมนั้นยึดโมเดลมาจากอนุสาวรีย์บรรจุศพของ วลาดีมีร์ เลนิน ในประเทศรัสเซีย เปิดให้สาธารณชนเข้าชมครั้งแรกเมื่อ ค.ศ. 1975 และในทุก ๆ ปีร่างของลุงโฮจะถูกส่งไปตรวจสอบความสมบูรณ์ที่รัสเซีย ข้อมูลเพิ่มเติม : ตั้งอยู่ที่จตุรัสบาดิงห์ (Ba Dinh Square) เปิดทำการวันอังคาร-พฤหัสบดี และวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 08.00-11.00 น. สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางมาเยี่ยมชมต้องสวมเครื่องแต่งกายสุภาพเรียบร้อย (ห้ามสวมเสื้อแขนกุด กระโปรงสั้นเหนือเข่า กางเกงขาสั้น)
เมืองเก่าฮอยอัน
ภาพจาก http://travel.kapook.com/view71662.html เมืองเก่าฮอยอันเป็นเมืองขนาดเล็กตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลจีนใต้ ชาวบ้านยังคงมีวิถีชีวิตแบบดั้งเดิม อีกทั้งภายในเมืองยังมีพิพิธภัณฑ์หลายแห่งที่จัดแสดงเรื่องราวความเป็นมาทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอันทรงคุณค่า มีอาคารต่าง ๆ ที่สะท้อนให้เห็นถึงสถาปัตยกรรมทั้งตะวันตกและตะวันออก เช่น บ้าน โคมไฟโบราณแบบจีน สะพานข้ามคลองที่มีการดีไซน์แบบประเทศญี่ปุ่น ดังนั้น จึงไม่แปลกที่เมืองฮอยเก่าอันจะได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลก นอกจากนี้ ยังสามารถดึงดูดความสนใจจากนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี ส่วนการสัญจรไปมาในเมืองนั้นก็สะดวก นักท่องเที่ยวสามารถเดิน ปั่นจักรยาน หรือขับรถจักรยานยนต์ก็ได้ เพราะเป็นเมืองขนาดเล็ก ในยามค่ำคืนหลังสี่ทุ่มไปแล้วจะค่อนข้างเงียบ แต่ยังพอมีผับบาร์ ร้านขายเครื่องดื่มเปิดให้บริการอยู่บ้าง ที่สำคัญผู้คนในเมืองเป็นมิตร อัธยาศัยดี มีน้ำใจกับนักท่องเที่ยว ข้อมูลเพิ่มเติม : ค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์ที่ตั้งอยู่ในเมืองเก่าฮอยอันคนละ 181 บาท (120,000 ดงเวียดนาม) นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวที่ต้องการเข้าชมพิพิธภัณฑ์เมืองเก่าต้องแต่งกายสุภาพ เช่น ผู้ชายสวมเสื้อเชิ้ต ผู้หญิงห้ามสวมเสื้อไม่มีแขนและกระโปรงสั้นเหนือเข่า