Asean Tourism

ธรรมชาติ

ดอยสุเทพ-ดอยปุย

ดอยสุเทพ-ดอยปุย

นอกจากจะเป็นที่ตั้งของวัดพระบรมธาตุดอยสุเทพและพระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์แล้ว ดอยเมืองหนาวแห่งนี้ยังมีป่าสมบูรณ์ประเภทต่างๆ ทั้งป่าดิบชื้น ป่าดิบเขา ป่าเต็งรัง ป่าเบญจพรรณ และพันธุ์ไม้หายากต่างๆ เป็นจุดชมดอกพญาเสือโคร่ง-ซากุระเมืองไทยยอดนิยมแห่งหนึ่งในช่วงฤดูหนาวบริเวณเส้นทางขุนช่างเคี่ยน นอกจากนี้บริเวณดอยปุยก็เป็นจุดชมนก มีน้ำตกสวยงามมากมาย มีสถานีวิจัยเกษตร แหล่งโบราณสถานสันกู่ หมู่บ้านชาวเขา มีที่พักแรมและสามารถกางเต็นท์พักแรมได้บริเวณตอนบนของอุทยาน

สถานที่ตั้ง ถนนห้วยแก้ว ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่

 

อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์

อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์

เจ้าของสถิติภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศไทย (2,599 เมตร) มีอากาศหนาวเย็นตลอดปี เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาถนนธงชัยที่ทอดตัวต่อยาวมาจากเทือกเขาหิมาลัย มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติหลายสาย โดยเฉพาะที่กิ่วแม่ปาน เส้นทางชมกุหลาบพันปีหายากที่ขึ้นชื่อว่าทั้งกุหลาบและเส้นทางชมวิวเส้นนี้มีความสวยงามหาใดเปรียบมิได้  นอกจากนี้ยังมีน้ำตกสวยงามขนาดใหญ่หลายแห่ง ถ้ำบริจินดา โครงการหลวงดอยอินทนนท์ พระมหาธาตุนภเมทนีดล และพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ

สถานที่ตั้ง ครอบคลุมพื้นที่ อำเภอดอยหล่อ อำเภอจอมทอง อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่

 

อุทยานแห่งชาติดอยภูคา

อุทยานแห่งชาติดอยภูคา

เป็นแหล่งพบพันธุ์ไม้หายากและไม้ยืนต้นสำคัญๆ โดยเฉพาะ “ดอกชมพูภูคา” และ “เต่าร้างยักษ์” ปาล์มพันธุ์ใหม่ที่เพิ่งค้นพบและเชื่อว่าเป็นพันธุ์ไม้หายากและใกล้สูญพันธุ์ซึ่งมีเพียงแห่งเดียวที่นี่ในเมืองไทยในบริเวณดอยภูคาใกล้กับเขตป่าเขาของหลวงพระบางที่เข้าถึงได้ยาก ธรรมชาติจึงยังสมบูรณ์อยู่ และยังเป็นบ้านของสัตว์ป่ามากมายที่ยังอาศัยอยู่อย่างชุกชุม และเป็นแหล่งค้นพบนกหายากอีก 2 พันธุ์ คือ นกมุ่นรกคอแดงและนกพงศ์ใหญ่พันธุ์อินเดีย

สถานที่ตั้ง ครอบคลุมพื้นที่ 8 อำเภอ ได้แก่ อำเภอปัว อำเภอท่าวังผา อำเภอเฉลิมพระเกียรติ อำเภอทุ่งช้าง อำเภอเชียงกลาง อำเภอสันติสุข อำเภอแม่จริม อำเภอบ่อเกลือ จังหวัดน่าน

 

ภูชี้ฟ้า

ภูชี้ฟ้า

ภาพจาก http://travel.kapook.com/view675.html

ภูชี้ฟ้า ต้องยกให้จุดชมวิวทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงาม อีกทั้งทิวทัศน์ของภูเขาสลับซับซ้อนดูกว้างไกล โดยในตอนเช้าจะมีทะเลหมอกปกคลุมในหุบเขาเบื้องล่าง มีพระอาทิตย์ขึ้นผ่านพ้นทะเลหมอก ท่ามกลางทุ่งหญ้า แซมด้วยทุ่งดอกโคลงเคลง

 

เขาค้อ อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว

เขาค้อ อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว

เป็นพื้นที่ภูเขาสลับซับซ้อน มีอากาศเย็นตลอดปีและค่อนข้างหนาวจัดในช่วงฤดูหนาว เป็นแหล่งชมทะเลหมอกอีกแห่ง มีธรรมชาติสวยงาม ทั้งน้ำตกหลายแห่ง ถ้ำ หนองน้ำ สวนสน นอกจากนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ อีก เช่น สวนสัตว์เปิดเขาค้อ อนุสาวรีย์จีนฮ่อ พระบรมธาตุเจดีย์กาญจนาภิเษก เจดีย์พระบรมสารีริกธาตุเขาค้อ หอสมุดนานาชาติเขาค้อ เนินมหัศจรรย์ พระตำหนักเขาค้อ และฐานอิทธิ (พิพิธภัณฑ์อาวุธ)

สถานที่ตั้ง อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์

 

ภูทับเบิก

ภูทับเบิก

เป็นจุดสูงที่สุดของจังหวัดเพชรบูรณ์ มีอากาศเย็นสบายตลอดปีเพราะได้รับอิทธิพลจากร่องลมเย็นที่มาจากเทือกเขาหิมาลัย เป็นที่ตั้งของหมู่บ้านชาวไทยภูเขาเผ่าม้ง เป็นอีกหนึ่งจุดชมดอกพญาเสือโคร่งในช่วงฤดูหนาว และจุดชมทะเลหมอกยามเช้า โด่งดังเรื่องทุ่งกะหล่ำปีสุดลูกหูลูกตา ภูทับเบิกเพิ่งเปิดให้เข้าได้ไม่นานนักจึงถือว่าเป็นอีกหนึ่งแห่งของ “อันซีนไทยแลนด์” (Unseen Thailand) และมีจุดชมวิวที่สามารถชมวิวได้ 360 องศาอีกด้วย

สถานที่ตั้ง บ้านทับเบิก ตำบลวังบาล อำเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์

 

อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า

อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า

นอกจากจะเป็นอุทยานธรรมชาติแล้วภูหินร่องกล้าก็ยังเป็นอุทยานประวัติศาสตร์ของการสู้รบทางการเมืองในอดีตด้วย ภูหินร่องกล้ามีลักษณะเป็นเทือกเขาสลับซับซ้อนมีภูมิอากาศเย็นสบายตลอดปี และฝนตกชุกในช่วงฤดูฝน เป็นแหล่งกำเนิดลำน้ำหลายสาย มีลักษณะป่า 3 ชนิด คือ ป่าเต็งรัง ป่าดิบเขาและป่าสนเขา มีกล้วยไม้ป่าน่าสนใจหลายพันธุ์ที่ขึ้นตามลานหินธรรมชาติ เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าหลายชนิด มีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติมากมาย เช่น ลานหินแตก ลานหินปุ่ม น้ำตกหมันแดง  น้ำตกผาลาด น้ำตกตาดฟ้า และจุดชมวิวธารพายุ เป็นต้น

สถานที่ตั้ง รอยต่อสามจังหวัด อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์

 

อุทยานแห่งชาติภูเรือ

อุทยานแห่งชาติภูเรือ

เป็นเขาสูงที่มีที่ราบด้านบน มีจุดน่าสนใจ คือ ผาชะโงกที่ยื่นออกไปเหมือนหัวเรืออันเป็นที่มาของชื่อภูเรือ เนื่องจากเป็นยอดเขาสูงจึงมีอากาศหนาวเย็นตลอดปี โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวจะหนาวจัดมาก ถือว่าเป็นเขตอุทยานแห่งชาติที่หนาวเย็นที่สุดของประเทศไทย มีศูนย์การท่องเที่ยวเชิงเกษตร มีจุดท่องเที่ยวน่าสนใจมากมาย เช่น จุดชมพระอาทิตย์ขึ้น จุดชมทิวทัศน์เดโช ผาโหล่นน้อย ผาซำทอง  ทะเลภูเขา ภูผาสาด ถ้ำหินแตก น้ำตกห้วยไผ่ซึ่งไหลลงมาจากยอดหน้าผาของภูเรือ สวนหินเต่า และหินรูปร่างแปลกๆ มากมาย บนยอดของภูเรือสามารถมองเห็นพรมแดนธรรมชาติแม่น้ำโขงระหว่างประเทศไทยและประเทศลาว

สถานที่ตั้ง ตำบลหนองบัว อำเภอภูเรือ จังหวัดเลย

 

อุทยานแห่งชาติผาแต้ม

อุทยานแห่งชาติผาแต้ม

ขึ้นชื่อเรื่องทุ่งดอกไม้บนลานหิน นอกจากนี้ยังมีจุดท่องเที่ยวน่าสนใจอื่นๆ อีก เช่น ภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์ผาแต้มอายุกว่าสี่พันปีบริเวณหน้าผาซึ่งเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นแสงแรกของเมืองไทยอีกด้วย ประติมากรรมธรรมชาติเสาเฉลียงเกิดจากการรวมตัวกันของกรวด หิน ทราย และเปลือกหอยจำนวนมากทำให้เชื่อกันว่าในยุคดึกดำบรรพ์ผาแต้มเคยเป็นเขตทะเลมาก่อน ลานหินแตก ถ้ำมืดที่ภายในถ้ำค้นพบพระพุทธรูปแกะสลักมากมาย น้ำตกอีกหลายแห่ง ถ้ำและภูผาอื่นๆ ในเขตอุทยานฯ และยังเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของปลาและนกหลายพันธุ์รวมไปถึงสัตว์ป่าขนาดเล็กต่างๆ อีกด้วย

สถานที่ตั้ง ครอบคลุมพื้นที่ตำบลนาโพธิ์กลาง อำเภอโขงเจียม  อำเภอศรีเมืองใหม่ อำเภอโพธิ์ไทร จังหวัดอุบลราชธานี

 

อุทยานแห่งชาติเขาสก

อุทยานแห่งชาติเขาสก

รู้จักกันในอีกชื่อ คือ เขื่อนเชี่ยวหลาน (เขื่อนรัชชประภา) เขาสกแบ่งเป็น 2 ส่วนหลักๆ คือ ส่วนที่ติดกับเขื่อน เป็นภูเขาหินปูนกลางเขื่อน สมญานาม “กุ้ยหลินเมืองไทย” มีจุดท่องเที่ยวยอดนิยม เช่น ถ้ำปะการัง ถ้ำน้ำทะลุ เขาสามเกลอ และส่วนของป่าไม้สมบูรณ์ มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่มากมาย และยังเป็นที่ค้นพบพันธุ์ไม้หายาก เช่น ปาล์มขาวและบัวผุด และเป็นแหล่งอาศัยของสัตว์หายากอีกด้วยเช่น กบทูดและปลามังกร นอกจากนี้ก็ยังมีน้ำตกและถ้ำหลายแห่งกระจายอยู่ในบริเวณเขาสก เหมาะแก่การเที่ยวทั้งแบบเดินป่า ศึกษาธรรมชาติ ชมนก หรือจะพายเรือคายัค ล่องแก่ง ล่องเรือชมวิว ชมทะเลหมอก และนอนแพ

สถานที่ตั้ง ครอบคลุมพื้นที่อำเภอบ้านตาขุน อำเภอพนม อำเภอคีรีรัฐนิยม จังหวัดสุราษฎร์ธานี

 

ดอยเชียงดาว

ดอยเชียงดาว

ภาพจาก http://travel.kapook.com/view102943.html

ดอยเชียงดาว อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดอยเชียงดาว อำเภอเชียงดาว ยอดสูงสุดของดอยเชียงดาว เรียกว่า ดอยหลวงเชียงดาว (เพี้ยนมาจากคำที่ชาวบ้านในละแวกเปรียบเทียบดอยนี้ว่าสูงเพียงดาว) มีลักษณะเป็นภูเขาหินปูนรูปกรวยคว่ำสูง 2,195 เมตร จากระดับน้ำทะเล นับเป็นยอดดอยที่สูงอันดับ 3 ของประเทศรองจากดอยอินทนนท์และดอยผ้าห่มปก จากบนยอดดอยซึ่งเป็นที่ราบแคบ ๆ สามารถมองเห็นทัศนียภาพอันงดงามรอบด้าน คือ ทะเลหมอกด้านอำเภอเชียงดาว ดอยสามพี่น้อง เทือกดอยเชียงดาว ตลอดจนถึงยอดดอยอินทนนท์อันไกลลิบ อากาศเย็น ลมแรง และสมบูรณ์ด้วยดอกไม้ป่าภูเขาที่หาชมได้ยากมากมายรวมทั้งนกและผีเสื้อด้วย (ไม่เหมาะที่จะขึ้นไปยืนบนยอดดอยทีละกลุ่มใหญ่ ๆ เพราะจะไปเหยียบย่ำทำลายพรรณไม้บนนั้นได้แม้จะโดยไม่ตั้งใจก็ตาม) โดยการเข้าไปใช้พื้นที่ต้องทำหนังสือขออนุญาตถึงผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมป่าไม้ อย่างน้อย 2 อาทิตย์ ก่อนการเดินทาง รายละเอียด โทรศัพท์ 0 2561 2947

การเดินทางสู่ยอดดอยเชียงดาวเริ่มที่ถ้ำเชียงดาว ซึ่งนักท่องเที่ยวจะสามารถติดต่อคนนำทาง ลูกหาบ รวมทั้งรถไปส่งที่จุดเริ่มเดินได้ ซึ่งบนดอยเชียงดาวไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใด ๆ นักท่องเที่ยวต้องเตรียมตัวไปด้วยตนเอง ไม่ว่าจะเป็นเครื่องนอน อาหาร และน้ำ

 

เขาโมโกจู

เขาโมโกจู

ภาพจาก http://travel.kapook.com/view102943.html

ขุนเขาแห่งความหนาวเย็น ด้วยความสูง 1,964 เมตร จากระดับน้ำทะเล โมโกจูจึงเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในอุทยานแห่งชาติแม่วงก์และสูงที่สุดในผืนป่าตะวันตก อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 27 กิโลเมตร แม่วงก์ ใช้เวลาเดินเท้าไปกลับ 4-5 วัน แม้ระยะทางจะไกลและยากแก่การเข้าไปถึง แต่โมโกจูก็ยังเป็นจุดหมายปลายทางของนักเดินทางหลาย ๆ คน ที่จะเก็บเป็นความประทับใจครั้งหนึ่งในชีวิต

ทั้งนี้คำว่า “โมโกจู” เป็นภาษากะเหรี่ยง แปลว่า เหมือนฝนจะตก เนื่องจากบนยอดเขามักถูกปกคลุมด้วยเมฆหมอกและมีอากาศหนาวเย็นตลอดเวลา ผู้สนใจจะไปสัมผัสยอดเขาโมโกจูต้องเตรียมร่างกายให้แข็งแรง เพราะทางเดินขึ้นเขามีความลาดชันไม่ต่ำกว่า 60 องศา ใช้เวลาในการเดินทางไป-กลับ 5 วัน และต้องพักแรมในป่าตามจุดที่กำหนด นอกจากนั้นควรศึกษาสภาพเส้นทาง สภาพอากาศ และติดต่อเจ้าหน้าที่นำทางจากอุทยานฯ ซึ่งเปิดให้เดินขึ้นยอดเขาโมโกจูในเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ของทุกปี

ภูป่าเปาะ

ภูป่าเปาะ

ภาพจาก ททท.

ภูป่าเปาะ ที่ที่ได้รับสมญานามว่าเป็น “ฟูจิเมืองไทย” ตั้งอยู่ที่บ้านผาหวาย อำเภอหนองหิน จังหวัดเลย ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูค้อ-ภูกระแต ซึ่งห่างจากสวนผาหินงามหรือคุนหมิงเมืองไทยประมาณ 7 กิโลเมตร เป็นจุดชมวิวที่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 900 เมตร บนภูป่าเปาะนั้นมีจุดชมวิวอยู่ด้วยกัน 4 จุด โดยจุดชมวิวแต่ละจุดมีระยะทางห่างกันประมาณ 200 เมตร

ดอยผ้าห่มปก

ดอยผ้าห่มปก

ภาพจาก http://travel.kapook.com/view102943.html

ดอยผ้าห่มปก อยู่ในอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก เป็นดอยที่สูงอันดับ 2 ของประเทศไทย ด้วยความสูงประมาณ 2,285 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง บนยอดดอยสูงสุดเป็นทุ่งโล่งอันเกิดจากสภาพธรณีวิทยาที่มีชั้นดินตื้น ชั้นหินเป็นหินแกรนิต ประกอบกับอากาศมีลมกรรโชกแรงตลอดทั้งปี จากยอดดอยจะเห็นทิวทัศน์ที่สวยงาม เช่น ทะเลหมอก และถนนบนสันเขา ขนานกับชายแดนไทย-พม่า ซึ่งถือเป็นถนนที่สร้างขึ้นเพื่อความมั่นคงระหว่างประเทศ ส่วนสภาพป่าเป็นป่าต้นน้ำ ป่าดิบเขา ซึ่งมีสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่สมดุลและหลากหลายทางชีวภาพ ดังเช่นจะพบพันธุ์พืช สัตว์ป่าหายากและที่น่าสนใจนานาชนิด อาทิ เทียนหาง บัวทอง ผีเสื้อไกเซอร์อิมพิเรียล ผีเสื้อมรกตผ้าห่มปก ผีเสื้อหางติ่งแววเลือน ผีเสื้อหางดาบตาลไหม้ นกปรอดหัวโขนก้นเหลือง และนกปีกแพรสีม่วง เป็นต้น ในฤดูหนาวมีนกอพยพมาอาศัย เช่น นกเดินดงคอแดง นกเดินดงดำปีกเทา นกเดินดงสีน้ำตาลแดง ฯลฯ

สำหรับเส้นทางขึ้นดอยผ้าห่มปกมี 3 เส้นทาง ได้แก่ ทางกิ่วลม ทางปางมงคล และทางหน่วยจัดการต้นน้ำแม่สาว โดยนักท่องเที่ยวสามารถตั้งแคมป์พักแรมได้ตรงบริเวณกิ่วลม เนื่องจากทางอุทยานแห่งชาติไม่อนุญาตให้พักแรมบนยอดดอยฟ้าห่มปก เพราะเป็นหน้าผาชันและอาจเกิดอันตรายได้ ซึ่งการเดินทางขึ้นสู่ยอดดอยเป็นการเดินเท้าระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงในการเดินขึ้นและลง อุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปกอนุญาตให้นำรถขึ้นดอยผ้าห่มปกได้แล้ว โดยต้องขึ้นดอยก่อน 15.30 น. และต้องใช้รถกระบะเท่านั้น ห้ามนำรถเก๋ง รถตู้ รถบัสขึ้นดอย เพราะถนนยังเป็นทางลูกรัง ถ้าไม่มีรถขึ้นดอยสามารถติดต่อรถให้บริการได้ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว อุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก เลขที่ 224 หมู่ 6 ตำบลโป่งน้ำร้อน อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ 50110 โทรศัพท์ 08 6430 9748 , 0 5345 3517-8 โทรสาร 0 5345 3517 อีเมล doiphahompok.np@hotmail.com

ภูสอยดาว

ภูสอยดาว

ภาพจาก http://travel.kapook.com/view102943.html

ภูสอยดาว อยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว มีลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาสูงตามแนวชายแดนไทย-ลาว มีความสูงอยู่ที่ 2,102 เมตร อากาศหนาวเย็นเกือบตลอดทั้งปี สภาพป่าส่วนใหญ่ยังอุดมสมบูรณ์ มีทุ่งหญ้าขนาดใหญ่ในพื้นที่ที่เคยเป็นที่ทำกินของชาวเขาเผ่าม้ง แหล่งท่องเที่ยวในเขตอุทยานฯ ได้แก่ ป่าสน ทุ่งดอกไม้ หน้าผาจุดชมวิว น้ำตกสายทิพย์ และน้ำตกภูสอยดาว พื้นที่ป่าสนสามใบ เหมาะแก่การมาเที่ยวชมในช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน เนื่องจากจะพบเห็นทะเลหมอกและดอกไม้ต่าง ๆ โดยเฉพาะดอกหงอนนาคขึ้นอยู่ทั่วไป และกล้วยไม้ป่าตามคาคบไม้ใหญ่ ระยะทางเดินทางจากเชิงเขา 6.5 กิโลเมตร บางช่วงเป็นเส้นทางชัน ใช้เวลาประมาณ 4-5 ชั่วโมง มีสถานที่กางเต็นท์และห้องสุขาบริการ
ทั้งนี้สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว ตำบลห้วยมุ่น อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ 53110 โทรศัพท์ 0 5543 6001-2

การเดินทาง
รถยนต์
• จากจังหวัดพิษณุโลก ไปตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 11 แล้วแยกเข้าทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1246 ถึงบ้านแพะแยกเข้าทางหลวงหมายเลข 1143 ผ่านอำเภอชาติตระการ แยกเข้าทางหลวงหมายเลข 1237 ผ่านบ้านบ่อภาคไปบรรจบกับเส้นทางแผ่นดินหมายเลข 1268 ถึงน้ำตกภูสอยดาว อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว รวมระยะทางประมาณ 188 กิโลเมตร
• จากจังหวัดอุตรดิตถ์ใช้ทางหลวงจังหวัดหมายเลข 1047 (อุตรดิตถ์-น้ำปาด) จนถึงอำเภอน้ำปาดแล้วเข้าสู่ทางหลวงจังหวัดหมายเลข 1239 ไปอีก 47 กิโลเมตร จึงเข้าสู่ทางหลวงจังหวัดหมายเลข 1268 ไปอีก 18 กิโลเมตร จะถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติ รวมระยะทางประมาณ 133 กิโลเมตร
รถโดยสารประจำทาง
การเดินทางด้วยรถโดยสารวิธีที่ 1
• ช่วงที่ 1 จากกรุงเทพฯ ขึ้นรถโดยสารที่สถานีขนส่งหมอชิต สายกรุงเทพฯ-พิษณุโลก ไปลงที่จังหวัดพิษณุโลก
• ช่วงที่ 2 จากจังหวัดพิษณุโลก เดินทางด้วยรถโดยสารระหว่างอำเภอ ไปอำเภอชาติตระการ ระยะทางประมาณ 100 กิโลเมตร
• ช่วงที่ 3 จากอำเภอชาติตระการ เดินทางด้วยรถสองแถว ซึ่งมีวันละ 1 เที่ยว รถออกเดินทางไม่เกิน 09.00 น. ไปที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูสอยดาว ระยะทางประมาณ 70 กิโลเมตร
การเดินทางด้วยรถโดยสารวิธีที่ 2
• ช่วงที่ 1 จากกรุงเทพฯ ขึ้นรถโดยสารที่สถานีขนส่งหมอชิต สายกรุงเทพฯ-พิษณุโลก ไปลงที่จังหวัดพิษณุโลก
• ช่วงที่ 2 จากจังหวัดพิษณุโลก เดินทางด้วยรถรับจ้างเหมาไป-กลับไปอุทยานแห่งชาติภูสอยดาว ระยะทางประมาณ 170 กิโลเมตร
หมายเหตุ : หากนักท่องเที่ยวเดินทางไปถึงอุทยานแห่งชาติภูสอยดาวแล้วไม่สามารถขึ้นยอดภูสอยดาวได้ทัน (อุทยานแห่งชาติเปิดให้ขึ้นลานสนภูสอยดาวตั้งแต่เวลา 08.00-14.00 น.) ทางอุทยานแห่งชาติได้จัดเตรียมสถานที่กางเต็นท์ไว้บริการบริเวณที่ทำการอุทยานแห่งชาติที่อยู่ด้านล่างไว้แล้ว

ม่อนจอง

ม่อนจอง

ภาพจาก http://travel.kapook.com/view102943.html

ม่อนจอง ขึ้นอยู่กับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย ซึ่งครอบคลุมพื้นที่อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ และ อำเภอสามเงา จังหวัดตาก สิ่งที่ดึงดูดให้นักท่องไพรมายังดอยม่อนจอง ก็คือ กวางผาหรือม้าเทวดาซึ่งมีถิ่นอาศัยอยู่ที่นี่ และทิวทัศน์ที่สวยงามของทิวเขา ซึ่งหากมาในช่วงเดือนธันวาคม-มกราคม จะได้พบดอกกุหลาบพันปีที่กำลังบาน ว่ากันว่าต้นนี้เป็นต้นที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยมี “ดอยหัวสิงห์” เป็นยอดเขาสูงสุด ทั้งนี้การเดินขึ้นม่อนจองสามารถไปเช้าเย็นกลับได้ แต่จะเหนื่อยมาก ต้องเริ่มออกเดินตั้งแต่ 06.30 น. เป็นอย่างน้อย หากเดินแบบไม่เหนื่อยเกินไปนักควรใช้เวลา 2 วัน 1 คืน ก่อนเดินขึ้นดอยต้องติดต่อขออนุญาตจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย หน่วยมูเซอซึ่งเป็นที่ตั้งที่ทำการเขตรักษาพันธุ์ฯ
การเดินทางไปยังเขตรักษาพันธุ์ฯ อมก๋อย (หน่วยมูเซอ) จากเชียงใหม่ใช้ทางหลวงหมายเลข 108 แล้วแยกซ้ายจากอำเภอฮอดเข้าทางหลวงหมายเลข 1099 ไปจนถึงตัวอำเภออมก๋อย และตรงต่อไปตามทางหลวง 1099 ประมาณ 40 กิโลเมตร จะพบหน่วยมูเซออยู่ทางด้านซ้ายมือ จากหน่วยฯไปยังจุดเริ่มเดินอีกประมาณ 16 กิโลเมตร ทางในช่วงนี้จำเป็นต้องใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อและคนขับที่มีความชำนาญเป็นอย่างมาก เนื่องจากสภาพทางเป็นลูกรังและแคบคดเคี้ยวริมผา ผู้ที่เดินทางโดยรถโดยสารประจำทางจากอำเภอเมืองเชียงใหม่มีคิวรถจากประตูช้างเผือกมายังอมก๋อย รถออกประมาณ 08.00 น. ซึ่งบนม่อนจองไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆ หากต้องการพักแรมต้องนำเต็นท์และอาหารไปเอง

 

ภูลมโล

ภูลมโล

ภาพจาก http://travel.kapook.com/view102943.html

ภูลมโล อยู่ในพื้นที่ตำบลกกสะทอน อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย อีกทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า บนรอยต่อของสามจังหวัด คือ จังหงวัดเลย จังหวัดเพชรบูรณ์ และจังหวัดพิษณุโลก โดยจุดสูงสูดอยู่บริเวณ “ยอดภูลมโล” มีความสูง 1,680 เมตร จากระดับน้ำทะเล ทำให้อากาศหนาวเย็นตลอดปี แต่ไฮไลท์ที่ทำให้ใคร ๆ ก็อยากไปสัมผัสกับที่นี่สักครั้ง ก็คือ การไปชมดอกนางพญาเสือโคร่งที่เยอะมากที่สุดในเมืองไทย ซึ่งในอดีตภูลมโลเคยถูกเป็นภูเขาหัวโล้น ต่อมาทางอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้าได้เข้ามาพัฒนาพร้อมกับปลูกต้นนางพญาเสือโคร่งหลายหมื่นต้น บนพื้นที่กว่า 1,200 ไร่ เมื่อถึงช่วงราวเดือนธันวาคม-มกราคม ต้นนางพญาเสือโคร่งก็จะออกดอกบานสะพรั่งย้อมให้ภูลมโลกลายเป็นดินแดนสีชมพูสุดงดงาม ทั้งนี้ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวต.กกสะทอน หรือติดต่อสอบถามที่ ชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวต.กกสะทอน โทรศัพท์ 08 0791 4748, 09 1373 0903

 

อุทยานแห่งชาติเขาหลวง

อุทยานแห่งชาติเขาหลวง

อุทยานแห่งชาติเขาหลวง เป็นแหล่งท่องเที่ยวรางวัลยอดเยี่ยม ประเภทแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ปี 2541 ครอบคลุมพื้นที่ 8 อำเภอของจังหวัดนครศรีธรรมราช นับเป็นอุทยานแห่งชาติสำคัญอันดับต้น ๆ ของประเทศที่มีความหลากหลายทางชีวภาพที่สำคัญของโลก มีรายงานสำรวจพบเฟิร์นบนเขาหลวงมากกว่า 200 ชนิด เช่น เฟิร์นบัวแฉก (พันธุ์ไม้โบราณ) เฟิร์นมหาสดำ (เฟิร์นต้นขนาดใหญ่ที่พัฒนามาก่อนยุคไดโนเสาร์) เป็น “สุดยอดแหล่งรวมกล้วยไม้เมืองใต้” เช่น กล้วยไม้สิงโตอาจารย์เต็ม, สิงโตใบพัดเหลือง, ขนตาสิงโต, เอื้องสายเสริต, เอื้องคีรีวง เป็นต้น  ป่าผืนนี้ยังเป็นอาณาจักรของพืชสัตว์เฉพาะถิ่น เช่น กุหลาบพันปีเขาหลวง นกกินปลีหางยาวเขียว ฯลฯ

โดยมียอดเขาหลวงสูงที่สุดในภาคใต้ ความสูง 1,835 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ในเขตอุทยานฯ มีแหล่งท่องเที่ยวหลายหลายรูปแบบทั้งการเที่ยวชมความงามและชื่นฉ่ำกับน้ำตกมายมาย เช่น น้ำตกพรหมโลก น้ำตกอ้ายเขียว น้ำตกกะโรม น้ำตกกรุงชิง ฯลฯ การเดินป่าศึกษาธรรมชาติทั้งระยะสั้นและระยะไกลหลายเส้นทาง นักผจญภัยไม่ควรพลาดการพิชิตยอดเขาหลวงในช่วงเดือนมกราคม-กันยายน ระยะเวลาที่เหมาะสม 3 วัน 2 คืน ทั้งนี้สอบถามข้อมูลท่องเที่ยวในเขตอุทยานแห่งชาติเขาหลวง โทรศัพท์ 0 7530 0494, 0 7546 0463

 

ดอยเสมอดาว

ดอยเสมอดาว

ภาพจาก http://travel.kapook.com/view102943.html

ดอยเสมอดาวและผาหัวสิงห์ ตั้งอยู่ที่อุทยานแห่งชาติศรีน่าน บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 16 สายนาน้อย-ปางไฮ เป็นจุดชมทิวทัศน์บนยอดหน้าผาสูง สามารถมองเห็นทิวทัศน์ได้ 360 องศา มีพื้นที่เป็นลานกว้างตามสันเขา สำหรับพักผ่อนและดูดาว ดูพระอาทิตย์ตกและยังเป็นจุดชมทะเลหมอกอีกด้วย หากจะเดินขึ้นไปบนผาสิงห์ (เป็นหน้าผาที่มีรูปร่างคล้ายหัวสิงห์) ระยะทาง 2 กิโลเมตร ต้องติดต่อเจ้าหน้าที่นำทางจากอุทยานฯ ระหว่างทางจะพบต้นจันทน์ผาซึ่งเป็นไม้เด่น และเมื่อท้องฟ้าแจ่มใส จากผาสิงห์สามารถมองเห็น อำเภอนาน้อย อำเภอเวียงสา และแม่น้ำน่านได้
สำหรับผู้ที่สนใจค้างแรมก็มีพื้นที่กางเต็นท์บริการ แต่ต้องเตรียมอาหารไปเอง ทั้งนี้ติดต่อและสอบถามรายละเอียดได้ที่ อุทยานแห่งชาติศรีน่าน ตู้ปณ. 14 ตำบลศรีสะเกษ อำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน 55150 โทร. 0 5470 1106, 08 1224 0800 หรือกรมอุทยานแห่งชาติฯ โทรศัพท์ 0 2562 0760 และ www.dnp.go.th

 

เขาพะเนินทุ่ง-ทะเลหมอก กม.36

เขาพะเนินทุ่ง-ทะเลหมอก กม.36

ภาพจาก http://travel.kapook.com/view102943.html

เขาพะเนินทุ่ง เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่อยู่บนสันเขา รายล้อมด้วยภูเขาสูงสลับซับซ้อนของเทือกเขาตะนาวศรี ทำให้สามารถชมทิวทัศน์ได้ตลอดสายเห็นภูเขา ทะเลหมอก ป่าเขียวขจี และพบเห็นสัตว์นานาชนิดได้ไม่ยาก ส่วนจุดชมทะเลหมอก (ตอนเช้า) ที่ กม.36 สามารถชมทะเลหมอกได้ใกล้ชิด จุดนี้สามารถชมทะเลหมอกได้เกือบตลอดปี จุดชมวิวนี้อยู่บริเวณ กม.ที่ 36 ของเส้นทางสายวังวน-น้ำตกทอทิพย์ ก่อนถึงทางลงสู่น้ำตกทอทิพย์ ในยามเช้าจะมองเห็นทะเลหมอกสีขาวปกคลุมทั่วหุบเขา เมื่อทะเลหมอกสลายตัวไปแล้วจะมองเห็นผืนป่าดงดิบเบื้องล่างเบียดตัวกันแน่นท่ามกลางเทือกเขาสลับซับซ้อนกว้างไกลสุดสายตา บางครั้งอาจพบนกกกและนกเงือกกรามช้างบินอยู่เหนือผืนป่า
ทั้งนี้หากนักท่องเที่ยวต้องการพักค้างแรมที่หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ กจ.19 (พะเนินทุ่ง) บริเวณ กม.30 ต้องจองพื้นที่กางเต็นท์ผ่านระบบออนไลน์ ทางอินเตอร์เน็ตเว็บไซต์ www.dnp.go.thล่วงหน้า 60 วัน พื้นที่กางเต็นท์แห่งนี้รับได้ 150 คน/คืน สำหรับการเดินทางต้องใช้รถที่มีกำลังสูง สามารถเหมารถปิกอัพได้จากบริเวณที่ทำการอุทยานฯ เนื่องจากถนนค่อนข้างแคบ อุทยานฯ จึงได้กำหนดเวลาในการขึ้น-ลง คือ เวลาขึ้น ช่วงเช้าเวลา 05.30-07.30 น. ช่วงบ่ายเวลา 13.00-15.00 น. และเวลาลง ช่วงเช้าเวลา 09.00-10.00 น. ช่วงบ่ายเวลา 16.00-17.00 น.   สำหรับผู้ที่ต้องการจะขึ้นเขาพะเนินทุ่งต้องติดต่อที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเพื่อขอใบอนุญาตผ่านมทาง และผู้ที่ต้องการจะขึ้นเขาพะเนินทุ่ง เวลา 05.00 น. ต้องทำใบขออนุญาตล่วงหน้า 1 วัน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *

คุณอาจจะใช้ป้ายกำกับและคุณสมบัติHTML: <a href="" title=""> <abbr title=""> <acronym title=""> <b> <blockquote cite=""> <cite> <code> <del datetime=""> <em> <i> <q cite=""> <strike> <strong>

Free Web Hosting