Asean Tourism

ภาคตะวันออก

อาร์ต อิน พาราไดซ์ (Art In Paradise)

Art In Paradise

ภาพจาก http://www.thailovetrip.com/view-bangkok.php?id_view=74

เปิดทุกวัน เวลา 09.00 – 21.00 น.(ไม่เว้นวันหยุดราชการ) ปิดขายบัตรเข้าชม เวลา 20.00 น
ที่อยู่ 78/34 หมู่ 9 ถ.พัทยา สาย 2 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี 20150 โทร.038 – 424500
ค่าเข่าชม : ต่างชาติ ผู้ใหญ่ ราคา 500 บาท เด็ก 300 บาท (ส่วนสูงไม่เกิน 120 ซม.) คนไทย ผู้ใหญ่ ราคา 150 บาท เด็ก 100 บาท (ส่วนสูงไม่เกิน 120 ซม.)

อาร์ต อิน พาราไดซ์ (Art In Paradise) คือพิพิธภัณฑ์ภาพจิตรกรรม3มิติแห่งเดียวในไทย ถูกก่อตั้งโดยนายชิน แจยอล (Mr.shin jae yeoul) เพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งใหม่ของพัทยาและของประเทศไทย โดยพิพิธภัณฑ์มีพื้นที่กว่า 5,800 ตารางเมตร

ภายในพิพิธภัณฑ์ถูกแบ่งเป็นห้องแสดงงานต่างๆจำนวน 10 ห้อง ในแต่ละห้องจะมีการจัดแสดงภาพที่วาดขึ้นทั้งหมดได้แก่ ห้องแรกลวงตา ห้องใต้สมุทร ห้องแห่งสัตว์ป่า ห้องภาพวาดศิลปิน ระดับโลก ห้องอารยธรรม ห้องศิลปะแนวเหนือจริงห้องไดโนเสาร์ ห้องน้ำตก ห้องวิวทิวทัศน์ ห้องนิทรรศการศิลปะ

การเดินทางไป อาร์ต อิน พาราไดซ์ พัทยา จากถนสุขุมวิทเลี้ยวขวาตรงไฟแดงพัทยาเหนือ ขับตรงไปผ่านโลตัส ผ่านศาลาว่ากลางเมืองพัทยา เลยไปนิดนึง จะมีซอยซ้ายมือ เขียนว่าทางไปบิ๊กซีพัทยาหนือ ขับตรงไป 300 เมตร ขวามือ จะมีป้ายเขียนเป็นโชว์บิ๊กอาย จากนั้นก็จะถึง อาร์ต อิน พาราไดซ์ อยู่ติดกัน

มิโมซ่า พัทยา

มิโมซ่า พัทยา

ภาพจาก http://www.thailovetrip.com/view-bangkok.php?id_view=71

มิโมซ่า พัทยา1

ภาพจาก http://www.thailovetrip.com/view-bangkok.php?id_view=71

Mimosa City of Love แลนด์มาร์กแห่งใหม่เกิดขึ้นที่พัทยาใต้ ด้วยคอนเซปต์ของสถาปัตยกรรมฝรั่งเศสโบราณ ผสมผสานกับหมู่มวลดอกไม้นานาชนิดที่ประตับตกแต่งอยู่ทั่วบริเวณของมิโมซ่า เป็นศูนย์รวมสินค้าที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น มีสินค้ามากมายหลายชนิดให้เลือกซื้อ ทั้งของตกแต่ง ของฝาก ของที่ระลึก ยังมีศูนย์อาหาร และร้านอาหารไทย อาหารนานาชาติ หลากหลายเมนู ที่พร้อมให้บริกาอย่างครบครัน มีนวดแผนไทย สปา ทั้งหมดนี้อยู่ในอาคารที่ออกแบบมาเป็นธีมฝรั่งเศส แสนโรแมนติก

การเดินทางไปมิโมซ่าพัทยา ตั้งอยู่นาจอมเทียน อ.สัตหีบ ต่อจากพัทยาใต้ เลยตลาดน้ำ 4 ภาค พัทยา ไปอีกประมาณ 2.5 กิโลเมตร ถ้ามาจากกรุงเทพฯ ใช้มอเตอร์เวย์แยกไปพัทยา ถึงถนนสุขุมวิท มีแยกพัทยาเหนือกับพัทยากลาง ให้เลี้ยวซ้ายไปทางพัทยากลาง ตรงไปอีกประมาณ 8 กิโลเมตร มิโมซ่าประกอบด้วยอาคารสีสันสดใสอยู่ซ้ายมือ สังเกตุง่าย มีลานจอดรถด้านหน้า และด้านข้าง

ค่าเข้าชมมิโมซ่า บัตรราคา 50 บาท สำหรับผู้ใหญ่ ใช้เป็นส่วนลดสำหรับอาหารและเครื่องดื่มได้หลายร้าน จะมีป้ายบอกที่หน้าร้าน

เวลาทำการของมิโมซ่า เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00 น. – 22.00 น. มีการแสดง หลายรอบด้วยกันที่ลานน้ำพุ การแสดงหลากหลายไม่ซ้ำกันในแต่ละรอบ ประกอบน้ำพุตามจังหวะดนตรี แสงสีตระการตา ตามสไตล์ของพัทยาโชว์
ติดต่อสอบถาม Office (66) 38 237 318-9 , 08 2467 6444 Fax (66) 38 237 318

Mimosa ด้านหน้าของมิโมซ่า หลังจากที่เดินทางออกจากบ้านแต่เช้า กะว่าจะไปถึงมิโมซ่าตอนเปิดก็คือ 10.00 น. พอดิบพอดี แต่พอมาถึงลานจอดรถด้านหน้าเต็ม ก็เลยขับตรงไปตามที่ รปภ. บอก เข้าซอยเล็กๆ ด้านข้างมีลานจอดรถกว้างใหญ่ไพศาลแล้วก้เดินย้อนมาทางด้านหน้า หาห้องขายบัตรเข้า หารู้ไม่ว่าจากลานจอดรถด้านข้างเค้ามีทางเข้าอีกทางเดินใกล้กว่าเยอะ แต่ไม่เป็นไรเพราะถึงยังไงเราก็ต้องมาถ่ายรูปด้านหน้าอยู่ดี

Mimosa City of Love เอาละตอนนี้เราก็ได้เวลาที่เดินตะลุยเข้าไปในเมืองแห่งความรักกันแล้ว แต่ขอออกตัวไว้นิดนะว่า งานนี้ขอภาพนางแบบกับวิวเมืองเป็นหลัก ส่วนที่ว่าในมิโมซ่าเค้าขายอะไรกันบ้างนี้บอกตรงๆ ว่าถ่ายมาให้ชมกันไม่หวาดไม่ไหว ร้านค้าที่มีอยู่มากกว่า 200 ยูนิต โดยมีอาคารที่เป็นแบบฝรั่งเศสโบราณสีหวานแหวว ของที่ขายอยู่ที่นี่ส่วนใหญ่ก็เหมือนกับที่อื่นๆ ละครับ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มาที่นี่ก็เพื่อถ่ายรูปมากกว่าที่จะมาหาของที่ต้องการครับ จะมีก็พวกร้านเครื่องดื่มที่เปิดอยู่เป็นจุดๆ ให้เราได้หาของแก้กระหายได้เป็นระยะๆ เพราะอากาศบ้านเรามันไม่ได้เหมือนฝรั่งเศสจริงๆ แล้วต้องมาเดินที่กว้างๆ แบบนี้ จะหิวน้ำบ่อยๆ

พอเดินมาที่ฟากตรงข้ามกับทางเข้า หน้าอาคารโซน C ถ้าเลี้ยวขวาไปตามทางเดินก็จะเป็นทางออก พอเดินออกไปแล้วมีห้องน้ำอยู่ 1 จุด (บอกเรื่องห้องน้ำไว้ก่อนเพราะมันจำเป็น) ถ้าไปเข้าห้องน้ำต้องบอก รปภ.ก่อน เพราะจะต้องเดินกลับเข้ามาอีก

อาคารโซน C เป็นอาคารทรงสูงเท่าๆ กันทั้งหมดแต่ก็มีรูปแบบแตกต่างกันไปให้ความรู้สึกเหมือนเดินอยู่ในเมืองจริงๆ การตกแต่งรูปแบบหน้าต่างประตูต่างกันไปหมด สีสันที่เลือกใช้ก็เน้นความสะดุดตา มีโคมไฟตั้งเป็นแนวตามทางเดิน มีม้านั่งเป็นจุดๆ ขนานไปกับสวนตอกไม้หลายอย่าง เราจะเห็นกุหลาบมากเป็นพิเศษในโซนนี้ แล้วก็ยังมีตู้โทรศัพท์ให้เราได้ใช้เป็นฉากในการถ่ายรูป มีสวนหินที่เราหินมาเรียงตั้งไว้สูงๆ หลายแถว ชอบมุมไหนก็เลือกกันเอา อาคารแถวยาวๆ ด้านหลังในภาพนี้มีร้านอาหารทั้งไทยและเทศไว้บริการ นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาเที่ยวที่นี่ก็ไม่น้อย ไม่ต้องลำบากเรื่องของกินเลยทีเดียว

พูดถึงเรื่องถ่ายรูป เราไปก็ได้มามุมละหลายรูป แต่จะลงให้ดูหมดก็คงไม่ไหว มีหวังเปิดหน้าเว็บไม่ขึ้นแน่ๆ ตั้งแต่ 10.30 น. ถึง 2 ทุ่ม (นักแสดงกับร้านค้าหลายร้านจำหน้าเราได้เลย) ถ่ายมาทั้งหมด 600 กว่ารูป ลบรูปเสียเหลือ 500 กว่ารูป เลือกเอารูปที่อยากลงเว็บได้ 93 รูป แล้วมาคัดออกอีกทีจนเหลือ 17 รูป ไม่ใช่เล่นเลยครับสำหรับมิโมซ่า หลายคนที่มาก็คงไม่ต่างกันเท่าไหร่ ความลำบากของการถ่ายรูปก็อยู่ตรงที่คนเดินกันเยอะมาก ต้องอาศัยจังหวะการหลบมุมที่ดีจะมีภาพสวยๆ ติดมือกลับบ้านเยอะเลยล่ะ

หลากหลายตัวช่วยในการหาภาพสวยๆ เอาไว้เป็นที่ระลึก ที่เราเห็นอยู่ระหว่างอาคาร C กับอีกด้านเป็นอาคารเล็กๆ กว่าหน่อยเป็นโซน V ถ้าดูในผังก็จะเป็นตึกส้มกับตึกเขียว นักแสดงที่จะมาทำการแสดงในรอบ มิโมซ่าโชว์ไทม์ 6 โมงครึ่ง (ตอนเย็น) จะออกมาเดินโชว์ตัวไปมาอยู่ตรงนี้ แต่จะมากันช่วงประมาณใกล้ๆ เที่ยง เป็นต้นไป เราเดินถ่ายรูปไปจนครึ่งของมิโมซ่าแล้วถึงได้มาเห็นนักแสดงเหล่านี้ ก็เลยถ่ายรูปกันอีกชุดใหญ่ที่มุมเดิม (ตอนเช้าเราถ่ายรูปมุมพวกนี้เสร็จไปรอบนึงแล้วละ) นักแสดงแต่งตัวสวยๆ กับปีกกว้างๆ นอกจากความสวยแล้วยังใช้ประโยชน์ในการปิดบังคนที่เดินอยู่เต็มไปหมดที่ด้านหลังได้ด้วย นักแสดงในคอนเซปต์มิโมซ่าวิงส์มีหลายคน แต่ตัวกันหลายสี แต่ยกเอามาเป็นตัวอย่างให้ชมเฉพาะชุดขาวคนเดียวก่อน (อย่างที่บอกแหละถ้าลงหมดทั้ง 93 รูปหน้าเว็บเปิดไม่ขึ้นแน่ แต่เดี๋ยวจะให้ชมกันในแบบภาพย่อ ค่อยคลิกขยายใหญ่เอานะครับ)

โย่งๆ กลางเมือง นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งที่เราได้เก็บภาพเอามากับมนุษย์ต่อขาสูงเกือบเท่าตึกเลยทีเดียว สองคนนี้ก็จะเดินกลับไปกลับมา คนเข้ามาถ่ายรูปกันเยอะ ส่วนจะให้ทิปหรือไม่ให้เค้าก็ไม่ได้ว่าอะไรครับ การถ่ายรูปให้ได้ตามแสงดูเหมือนว่าช่วงบ่ายจะเหมาะกว่าช่วงเช้า ถึงจะเสียดายอยู่หน่อยว่าวันนี้ฟ้าไม่สวยเท่าไหร่ แต่ถ้ามองเฉพาะสถาปัตยกรรมฝรั่งเศสที่ไม่ต้องเดินทางไปไกลครึ่งโลก ที่นี่ก็นับว่าดีสำหรับเราแล้วล่ะ

Wall painting งานศิลปะในอาคาร เป็นสิ่งหนึ่งที่เราได้เห็นโดยบังเอิญ ตรงอาคารแถวขวาสุดด้านหน้าจะมีร้านที่ยังตกแต่งไม่เสร็จเลยไม่ได้เปิดขายอะไร ใครผ่านไปผ่านมาก็ยืนกล้าๆ กลัวๆ ไม่รู้ว่าจะเข้าไปถ่ายรูปได้หรือเปล่า สรุปว่าเข้าได้นะครับ ไม่มีใครว่าอะไร คนงานก็ยังคงทำงานต่อไป ผนังในอาคารห้องนี้มี 2 ด้านที่เพนท์รูปวิวเมืองสวยๆ ให้เราได้เก็บภาพ ตามใจชอบ ในระหว่างที่เดินรอบๆ มิโมซ่า จะมีรูปพรีเว็ดดิ้ง (รูปคู่แต่งงาน) ติดโชว์ไว้หลายจุด หนึ่งในนั้นใช้ฉากในอาคารหลังนี้ในการถ่ายรูป ก็ออกมาสวยทีเดียว

Mimosa Building T เดินตรงเข้ามาตามทางเดินเรื่อยๆ ครับ มีอาคารที่ออกแบบสวยๆ หลายห้องเลย แต่ผมขอถ่ายรูปมาให้ชมแบบเป็นแถวยาวๆ ไปเลยดีกว่า ถ้าเอาแบบเรียงห้องรูปจะเยอะไปหน่อย ตรงนี้เป็นอาคาร T ใกล้จะสุดทางเดินฝั่งขวามือของมิโมซ่าแล้วครับ ตรงข้ามกับอาคาร T เป็นอาคาร B ซึ่งเป็นศูนย์อาหาร มีอาหารมากมายหลายอย่างให้เลือกเหมือนกับศูนย์อาหารตามห้าง ต้องแลกคูปอง แต่ตอนนี้ยังไม่หิวขอเดินเที่ยวต่ออีกหน่อย รูปแบบของอาคารในโซน T จะต่างไปจากโซน X กับ V ที่เราเดินผ่านมานิดหน่อย คือมีปล่องควันสูงๆ โผล่ขึ้นมา โทนสีของอาคารก็จะเป็นสีอ่อนลงหน่อย ดูสบายๆ ดี ห้องแรกของโซนเป็นเครื่องดื่ม กำลังเหมาะเลย เพราะเดินมาถึงตรงนี้ก็เสียเหงื่อไปเยอะ หาอะไรเย็นๆ จิบแล้วเดินต่อกันดีกว่า

ออฟฟิศมิโมซ่า เป็นอาคาร A ในผังของมิโมซ่า อยู่ด้านขวาลึกเข้าไปด้านในสุด อาคารสีเหลือสูง 3 ชั้น มีคนบอกว่าสีเหมือนคัสตาร์ดดี ในอาคารชั้นล่างเป็นห้องน้ำชายหญิง ห้องน้ำในอาคารนี้เป็นห้องน้ำที่สวยที่สุดที่เราเห็นในมิโมซ่า มีอยู่มากมายหลายห้อง ลืมบอกไปว่าข้างศูนย์อาหารก็มีทางเดินไปตรงทางเข้าที่ 2 (ลานจอดรถด้านหลัง) มีทางเลี้ยวไปห้องน้ำได้อีก 1 จุด

เอาเรื่องตึก A หรือสำนักงานของมิโมซ่าต่อดีกว่า นอกเหนือจากอาศัยเข้าห้องน้ำแล้ว ไม่รู้ว่าชั้นบนจะขึ้นไปได้หรือเปล่า ไม่ได้ลองเดินหาทางขึ้น และก็ไม่เห็นมีใครขึ้นไปด้วย ส่วนใหญ่ก็จะมาถ่ายรูปหน้าตึกเอาวิวสวยๆ ผนังด้านหน้ามีเพนท์ลายกุหลาบ หน้าตึกมีพื้นที่กว้างพอสมควรปลูกต้นไม้ให้เราได้อาศัยร่มเงา มีมุมให้นั่งเล่น มีสวนดอกไม้ให้ถ่ายรูป ส่วนหนึ่งมีรูปหัวใจเรียงรายอยู่เต็มไปหมด ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นมุมมหานิยมขนาดไหน หัวใจพวกนี้แทบจะไม่ว่างเลย กว่าจะเข้าไปถ่ายรูปได้ก็ต้องรอสักพักต่อคิวกันครับ ด้านตรงข้ามเป็นซุ้มเล็กๆ ขายน้ำ ไอติม น้ำผลไม้ปั่น พันซ์ อะไรทำนองนี้

 หอนาฬิกาปองดูเซร์ นี่ก็เป็นจุดศูนย์กลางของนครแห่งความรักมิโมซ่า หอนาฬิกาเป็นหอสูงๆ ทำให้ดูเก่าๆ จากตึกสำนักงาน ก่อนจะเดินมาถึงตรงนี้ก็จะต้องผ่านตึก P สีม่วงๆ ในแผนผัง เป็นอาคารสำหรับโรงหนัง 6 มิติ ซึ่งมีเครื่องเล่นมากมายหลายอย่างในอาคารหลังใหญ่หลังเดียว ภายในประกอบด้วย
หนัง 6 มิติ XD Theater
Haunted House (บ้านผีสิง)
Mirror Maze Lost city ห้องวงกตกระจก
Formula 1 เกมรถแข่ง
XD Dark Ride เกมยิงปืน 3 มิติ
MAXFlight ห้องจำลองการบิน
Kidsland มุมสำหรับเด็กๆ ที่ต้องมารอผู้ใหญ่อย่างเราๆ เข้าไปเล่นเครื่องเล่น
ทั้งหมดที่กล่าวมา ยังไม่ได้ลองเล่นครับ บรรยายไม่ได้ เดี๋ยวคราวหน้าละกัน ตอนนี้เดินถ่ายรูปอย่างเดียวไปก่อน บริเวณใกล้ๆ กับหอนาฬิกาปองดูเซร์ จะมีคลองที่ปลูกตอกไม้เอาไว้รอบๆ ทั้ง 2 ฟาก มีหงส์กับเป็ดสีขาวว่ายน้ำสนุกสนานกลับไปกลับมา ให้เราได้ถ่ายรูปอย่างสนุกสนาน มุมนี้เป็นมุมที่คนเยอะ เพราะต่างคนต่างก็มารุมถ่ายรูปหงส์กันไม่ยอมไปไหนง่ายๆ
ค่าบริการ : ผู้ใหญ่ ราคา 50 บาท, เด็ก ราคา 25 บาท และผู้สูงอายุ, นักเรียน นักศึกษาที่แสดงบัตรประจำตัวเข้าฟรี
เวลาเปิด-ปิด : เปิดบริการทุกวัน เวลา 10.00-22.00 น.
ที่อยู่ : 28/43-44 หมู่ 2 ถนนสัตหีบ จังหวัดชลบุรี
โทรศัพท์ : 0 3823 7318-9, 08 2467 6444

พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ อ่าวคุ้งกระเบน

พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ อ่าวคุ้งกระเบน

ภาพจาก http://www.thailovetrip.com/view-bangkok.php?id_view=396

ชมพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ อ่าวคุ้งกระเบน จันทบุรี เลยเก็บภาพบรรยากาศมาฝากครับ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ อ่าวคุ้งกระเบน จันทบุรี หรือ สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำเฉลิมพระเกียรติ ๖ รอบ พระชนมพรรษา จันทบุรีแหล่ง   ศึกษาหาความรู้เกียวกับสัตว์ต่างๆ ในท้องทะเล

โบสถ์พระแม่มารีอา

โบสถ์พระแม่มารีอา

ภาพจาก http://www.thailovetrip.com/view-bangkok.php?id_view=70

โบสถ์วัดแม่พระปฏิสนธินิรมล หรือ ที่ใครๆนิยมเรียกว่า โบสถ์คริสต์เมืองจันทร์ เป็นโบสถ์คริสต์นิกายโรมันคาทอลิกหนึ่งเดียวในอำเภอเมืองจันทบุรี ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกับโรงเรียนสตรีมารดาพิทักษ์ (เดิมเป็นโรงเรียนสอนศาสนา) มีลักษณะเป็นสถาปัตยกรรมตะวันตกแบบโกธิค ยอดหลังคาเเหลมสูง ภายในตกแต่งด้วยกระจกสีที่เรียกว่า สเตนกลาส เป็นภาพนักบุญต่างๆ ที่มีความสวยงามมาก ด้านหน้าโบสถ์เป็นรูปปั้นพระแม่มารีสีหน้าสงบเปี่ยมประกายเมตตา ด้านในอาคารที่เป็นโถงโล่ง ตกแต่งด้วยโทนสีชมพู มีทางเดินเป็นชั้นลอยอยู่ทั้งสองข้าง มีช่องแสงจากหน้าต่างกระจกสี ยามแสงแดดส่องจะรู้สึกเหมือนดั้งต้องมนต์สะกดและหากใครเข้าไปในโบสถ์ช่วงที่กำลังสวดทำพิธีก็จะพบกับบรรยากาศที่เต็มไปด้วยพลังแห่งศรัทธา วัดคาทอลิกแห่งนี้นับเป็นวัดขนาดใหญ่ที่มีความเก่าแก่ยืนหยัดผ่านกาลเวลามากว่าศตวรรษ และมีความงดงามมากที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศ

ผู้ที่สนใจสามารถไปเที่ยวชมโบสถ์วัดแม่พระปฏิสนธินิรมล ได้ที่ในย่านท่าหลวงหรือชุมชนตลาดล่าง ที่นับว่าเป็นหนึ่งในย่านที่เก่าแก่ของเมืองจันท์ สามารถเดินทางเข้าทางเดียวกับวัดไผ่ล้อม เมื่อถึงวัดไผ่ล้อมแล้วเดินทางต่อไปอีกราว 1 กิโลเมตร หรือจากตัวเมืองเดินทางข้ามสะพานวัดจันท์ไปตามถนนจันทนิมิตรจะพบทางแยกขวาไปโบสถ์คาทอลิก
เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 06.00-07.00 น. และ 18.00-19.45 น.

ปราสาทสด๊กก๊อกธม

ปราสาทสด๊กก๊อกธม

ภาพจาก http://www.thailovetrip.com/view-bangkok.php?id_view=337

ปราสาทสด๊กก๊อกธม หรือ ปราสาทสด็อกก็อกธม เป็นปราสาทขอม ตั้งอยู่ในเขตบ้านหนองเสม็ด ตำบลโคกสูง อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว อยู่ห่างจากอำเภออรัญประเทศไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 35 กิโลเมตร จัดเป็นปราสาทหินขนาดใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกของประเทศไทย

ปราสาทสด๊กก๊อกธมสร้างขึ้นด้วยหินศิลาแลง ตามลักษณะศิลปะขอมแบบคลัง บาปวน สร้างขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 11 ในสมัยพระเจ้าอุทัยทิตยวรมันที่ 2 ในบริเวณทิศตะวันออกเฉียงเหนือของปราสาท มีคำจารึกเป็นภาษาสันสกฤต ความยาว 340 บรรทัด ระบุความเป็นมาของการก่อสร้างปราสาทแห่งนี้

ปราสาทสด๊กก๊อกธม ประกอบด้วยองค์ปราสาท 3 หลัง หันหน้าไปทางทิศตะวันออก มีคูน้ำล้อมรอบ 4 ด้าน มีกำแพงแก้ว 2 ชั้น ชั้นนอกทำด้วย ศิลาแลงชั้นในทำด้วยหินทราย ตัวปราสาทก่อด้วยหินทราย มีโคปุระหรือซุ้มประตูเหลืออยู่เพียงด้านทิศตะวันออกและทิศตะวันตกเท่านั้น ภายใน ระเบียงคตมีบรรณาลัยก่อด้วยหินทราย 2 หลังอยู่หน้าปราสาทหลังกลางซึ่งเป็นปรางค์ประธาน ด้านนอกปราสาททางทิศตะวันออกมีสระน้ำขนาด ใหญ่รูปสี่เหลี่ยม มีถนนปูด้วยหินจากตัวปราสาทไปจนถึงสระน้ำ

การเดินทางไปปราสาท จากอำเภออรัญประเทศใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 348 ไปทางอำเภอตาพระยา ผ่านที่ว่าการอำเภอโคกสูงไปประมาณ 3.5 กิโลเมตร ซ้ายมือจะเป็น องค์การบริหารส่วนตำบลหนองแวง เลยไปจะมีทางแยกมีป้ายบอกไปปราสาทสด๊กก๊อกธม ให้เลี้ยวขวาไปตามเส้นทางหลวงชนบท สก 3018 ผ่านบ้านสุขสำราญไปประมาณ 7 กิโลเมตร ถึงสามแยกบ้านหนองเสม็ดให้เลี้ยวซ้ายไปอีกประมาณ 2 กิโลเมตรตามทางราดยางไปเรื่อยๆ ไปตามป้าย จะพบเส้นทางเข้าปราสาททางขวาให้เลี้ยวไปอีก 2.5 กิโลเมตร

เขาฉกรรจ์

เขาฉกรรจ์

ภาพจาก http://www.unseentravel.com/locate/293-%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%89%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%88%E0%B9%8C.html

ตั้งอยู่ที่ตำบลเขาฉกรรจ์ ติดกับวัดถ้ำเขาฉกรรจ์ ห่างจากตัวอำเภอเมืองประมาณ 17 กิโลเมตร ตามทางหลวงหมายเลข 317 (สระแก้ว-จันทบุรี) ระหว่างกิโลเมตรที่ 131-132 และแยกซ้ายไปอีกเล็กน้อย ตัวเขาเป็นเขาหินปูน สันเขาด้านยาวทำมุม 90 องศากับทิศเหนือและทิศใต้ จุดสูงสุดของยอดเขาสูงประมาณ 240 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลางลักษณะเป็นเขา 3 ลูกเรียงกัน โดยมีเขาฉกรรจ์เป็นลูกใหญ่ที่สุดและอยู่ตรงกลาง มีภูเขามิ่งอยู่ด้านซ้าย และเขาฝาละมีตั้งอยู่ด้านขวา เขาทั้ง 3 ลูกได้จัดให้เป็น สวนรุกขชาติเขาฉกรรจ์ ของกรมป่าไม้และเป็นที่อยู่ของลิงป่าและฝูงค้างคาวนับล้านๆ ตัว บินออกมาในตอนเย็นเป็นสายยาว ส่วนเชิงเขาเป็นที่ตั้งของวัดถ้ำเขาฉกรรจ์ มีบันไดขึ้นไปถึงยอดเขา ในเขาฉกรรจ์มีถ้ำเล็กถ้ำน้อยอยู่ถึง 72 ถ้ำ เช่นถ้ำมืด ถ้ำหนุมาน ถ้ำเขาทะลุ ถ้ำมหาหิงส์ ถ้ำน้ำทิพย์ และถ้ำแก้วพลายชุมพล จุดที่น่าสนใจคือถ้ำเขาทะลุ มีรอยพระพุทธบาทจำลองและจุดชมวิวสามารถมองเห็นทิวทัศน์ได้กว้างไกล

หาดบางแสน

หาดบางแสน

 

ภาพจาก http://travel.kapook.com/view9795.html

หาดบางแสน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวไทยมาช้านาน มีถนนตัดเลียบหาดเคียงคู่ไปกับทิวมะพร้าว ถัดเข้าไปมีร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก และที่พักเรียงรายอยู่จำนวนมาก นักท่องเที่ยวนิยมไปนั่งพักผ่อนชมทิวทัศน์ทะเลกันบนเก้าอี้ผ้าใบบนชายหาด พร้อมมีบริการห่วงยางให้เช่าว่ายน้ำ มีเรือบานาน่าโบ๊ท จักรยานให้เช่า และห้องอาบน้ำจืด ทุกวันหยุดหาดบางแสนจะคึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยว เนื่องจากเป็นชายหาดขนาดใหญ่ที่ใกล้กรุงเทพฯ มากที่สุด จึงสามารถเดินทางแบบไปเช้า-เย็นกลับได้

บางแสน เริ่มเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2486 จนถูกขนานนามว่า “บางแสนดินแดนสุขี” มีผู้เดินทางมาเยือนเป็นจำนวนมาก จนครั้งหนึ่งบางแสนเคยทรุดโทรม ผิดกับปัจจุบันที่ได้รับการดูแลจัดระเบียบอย่างดี จึงกลายเป็นชายหาดที่สะอาด น่าเที่ยวในทุกฤดูกาล โดยหาดบางแสนนี้มีความยาวต่อเนื่องกันถึง 4.5 กิโลเมตร แบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ หาดบางแสน เป็นช่วงกลางของหาดและเป็นจุดที่นิยมลงเล่นน้ำกัน ถัดมาคือ แหลมแท่น เป็นช่วงเหนือสุดของหาด มีโขดหินสวยงาม ลงเล่นน้ำไม่ได้ และส่วนสุดท้ายคือ หาดวอนนภา เป็นชายหาดตอนใต้สุด บรรยากาศเงียบสงบ มีหมู่บ้านประมงพื้นถิ่นเล็ก ๆ กระจายอยู่ห่าง ๆ กัน

ที่ตั้ง : อยู่ห่างจากตัวเมืองชลบุรี 14 กิโลเมตร ที่ตำบลแสนสุข แยกขวาจากถนนสุขุมวิท ตรงหลักกิโลเมตร 104 เข้าไปอีกประมาณ 3 กิโลเมตร

ตลาดน้ำ 4 ภาค พัทยา

ตลาดน้ำ 4 ภาค พัทยา

ภาพจาก http://travel.kapook.com/view9795.html

สถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ทางศิลปวัฒนธรรมไทยกลางใจเมืองพัทยา จำลองวิถีชีวิตความเป็นอยู่อย่างไทยที่เรียบง่าย และแสดงให้เห็นถึงความผูกพันกับสายน้ำตั้งแต่อดีตสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน รวมถึงการเรียนรู้ภูมิปัญญาชาวบ้านที่มีเสน่ห์ที่น่าหลงใหลใน 4 ภาค ของประเทศไทย ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสาน และภาคใต้ และที่นี่นักท่องเที่ยวจะได้เพลิดเพลินไปกับทัศนียภาพอันงดงาม นั่งเรือพายชมทัศนียภาพ 2 ฝั่งน้ำ สัมผัสกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ การค้าขายทางน้ำ ตระการตากับร้านค้าเรือนไทยไม้สักทั้งหลังที่สวยงาม โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของตลาดน้ำ จุดเด่นของเรือนไม้สักของแต่ละภาคที่สังเกตง่าย ๆ คือ หน้าจั่วที่มีลักษณะแตกต่างกัน สำหรับสินค้าทั้ง 4 ภาค จะแตกต่างกันออกไปตามวิถีชีวิตแต่ละภาค

ที่ตั้ง : ตลาดน้ำ 4 ภาค พัทยา ตั้งอยู่ติดถนนสุขุมวิท อยู่ห่างจากพัทยาใต้ไปทางสัตหีบ ประมาณ 2.5 กิโลเมตร (ฝั่งซ้ายมือ) ก่อนถึงป้ายสุดเขตเมืองพัทยา

เวลาทำการ : เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00 – 19.00 สอบถามเพิ่มเติม โทรศัพท์ 0 3870 6340

ไร่องุ่นซิลเวอร์เลค

ไร่องุ่นซิลเวอร์เลค

ภาพจาก http://travel.kapook.com/view9795.html

ไร่องุ่นของดารา สุพรรษา เนื่องภิรมย์ ตั้งอยู่ติดกับเขาชีจรรย์ มีพื้นที่กว้างขวางกว่า 1,200 ไร่ มีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ในยามที่พระอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้าคือความงดงามที่ธรรมชาติสรรค์สร้างไว้อย่างลงตัว แสงอาทิตย์สะท้อนผิวน้ำส่องประกายระยิบระยับสีเงินแวววาว นั่นคือที่มาของชื่อ Silver Lake หรือ ทะเลสาบสีเงิน ส่วนภายในไร่มีองุ่นสด องุ่นแปรรูป ไวน์ ร้านอาหาร และบริการรถสำหรับนั่งชมทั่วไร่องุ่น คุณสุพรรษาภูมิใจให้คุณได้บันทึกภาพ และเปิดรับประสบการณ์แห่งความทรงจำที่ไม่อาจลืมได้ที่ไร่องุ่น Silver Lake แห่งนี้

ความงดงามของไร่องุ่นสุดสายตา อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ สะท้อนแสงอาทิตย์เป็นสีเงินแวววาว อันเป็นที่มาของชื่อ “ซิลเวอร์เลค” ทำให้ไร่องุ่นแห่งนี้เป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ บนพื้นที่กว่า 1,200 ไร่ โดยพื้นที่ส่วนหนึ่งได้ถูกแปรเปลี่ยนเป็นพื้นที่ปลูกองุ่นซึ่งมีทั้งองุ่นทานสดและองุ่นสำหรับทำไวน์ โดยไร่องุ่นเป็นของดารารุ่นใหญ่ สุพรรษา เนื่องภิรมย์ นอกจากนี้ ยังมีบ้านพักท่ามกลางธรรมชาติในไร่องุ่นที่มีแห่งเดียวในชลบุรี ให้คุณได้ไปนอนสัมผัสกับธรรมชาติของภูเขา ทะเลสาบ และสวนดอกไม้ที่สวยงาม

ติดต่อ : สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 0 2261 6565 หรือเว็บไซต์www.silverlakethai.com

สวนนงนุช

สวนนงนุช

ภาพจาก http://travel.kapook.com/view9795.html

สวนนงนุช (Nong Nooch Tropical Botanical Garden) เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจในพื้นที่กว่า 1,500 ไร่ ภายในมีสวนไม้ดอกไม้ประดับนานาชนิด เช่น สวนกล้วยไม้ เฟิน สับปะรดสี สวนไม้พุ่มไม้ดัด สวนปาล์มจากทั่วทุกมุมโลก สวนตะบองเพชรและไม้อวบน้ำ สวนบอนไซ สวนเฟื่องฟ้า สวนโมก สวนน้ำพุ สวนหิน สวนฝรั่ง สวนผีเสื้อ สวนรถไฟจำลอง สโตนเฮนจ์ ฯลฯ พร้อมที่พักเป็นเรือนไม้สักทรงไทย มีห้องประชุมสัมมนา สวนสัตว์ และศูนย์แสดงศิลปวัฒนธรรมไทย ประกอบด้วยการฟ้อนรำพื้นเมือง ศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัว กีฬาพื้นบ้าน และการแสดงของช้าง

เดิมพื้นที่สวนนงนุชเคยเป็นสวนผลไม้มาก่อน กระทั่งปี พ.ศ. 2497 คุณพิสิทธิ์และคุณนงนุช ตันสัจจา ได้ซื้อที่ดินบริเวณนี้ไว้ แล้วจัดเป็นสวนให้ประชาชนเข้าชม โดยเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อปี พ.ศ. 2523 ปัจจุบันนี้สวนนงนุชกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวระดับแนวหน้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกเข้าเยี่ยมชมประมาณวันละ 2,000 คน

ที่ตั้ง : เลขที่ 34/1 หมู่ 7นาจอมเทียน อำเภอสัตหีบ

การเดินทาง : อยู่ห่างจากปากทางเข้าพัทยาใต้ 18 กิโลเมตร โดยแยกซ้ายจากถนนสุขุมวิท บริเวณกิโลเมตร 163 เข้าไปประมาณ 3.5 กิโลเมตร

เวลาทำการ : 08.00-18.00 น. ทุกวัน

ติดต่อ : โทรศัพท์ 0 3870 9358-62, 0 3823 8061-62, 0 3823 8161 เว็บไซต์www.nongnoochtropicalgarden.com

ฐานทัพเรือสัตหีบ

ฐานทัพเรือสัตหีบ

ภาพจาก http://travel.kapook.com/view9795.html

ฐานทัพเรือสัตหีบ เป็นบ้านของราชนาวีที่ใหญ่ที่สุดในฝั่งอ่าวไทย ถือกำเนิดขึ้นจากพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อ พ.ศ. 2457 ครั้งประพาสเลียบชายฝั่งทะเลตะวันออก ได้ทอดพระเนตรเห็นว่าชายฝั่งบริเวณนี้มีชัยภูมิดีเยี่ยม สามารถสร้างฐานจอดเรือรบได้ จวบจนปัจจุบันฐานทัพเรือสัตหีบได้พัฒนา และเปิดพื้นที่บางส่วนให้ประชาชนได้เข้ามาท่องเที่ยว เช่น หาดดงตาล เป็นชายหาดโค้งยาวไปตามขอบอ่าวสัตหีบ โดยเริ่มตั้งแต่ที่ว่าการอำเภอสัตหีบเข้าไปในกองเรือยุทธการ ริมชายหาดเรียงรายไปด้วยต้นตาลขนาดใหญ่ ประชาชนทั่วไปนิยมมานั่งพักผ่อน ชมอาทิตย์อันดง และรับประทานอาหาร นอกจากนี้ เวิ้งทะเลด้านหน้าหาดยังเหมาะสำหรับการเล่นเรือใบและวินด์เซิร์ฟ โดยผู้สนใจสามารถติดต่อได้ที่ศูนย์สมุทรกีฬา โทรศัพท์ 0 3843 2593

ท่าเทียบเรือจุกเสม็ด เป็นท่าเรือน้ำลึกซึ่งกองทัพเรือใช้เป็นที่จอดเรือรบสำคัญ ๆ หลายลำ ไม่ว่าจะเป็นเรือหลวงจักรีนฤเบศร เรือหลวงสิมิลัน และเรือหลวงพระพุทธยอดฟ้า นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปชมและถ่ายภาพได้เฉพาะพื้นที่ที่กำหนด คือ บริเวณท่าเรือ รวมถึงดาดฟ้าของเรือหลวงจักรีนฤเบศร อย่างไรก็ตาม บางช่วงเวลาเรือเหล่านี้จะออกปฏิบัติหน้าที่ จึงควรสอบถามไปล่วงหน้าก่อน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *

คุณอาจจะใช้ป้ายกำกับและคุณสมบัติHTML: <a href="" title=""> <abbr title=""> <acronym title=""> <b> <blockquote cite=""> <cite> <code> <del datetime=""> <em> <i> <q cite=""> <strike> <strong>

Free Web Hosting