Asean Tourism

ภาคตะวันตก

สะพานข้ามแม่น้ำแคว

สะพานข้ามแม่น้ำแคว

 ภาพจาก http://www.thailovetrip.com/view-bangkok.php?id_view=45

สะพานข้ามแม่น้ำแคว (อังกฤษ: The Bridge of the River Kwai) ตั้งอยู่ที่ตำบลท่ามะขาม อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ห่างจากตัวเมืองไปทางทิศเหนือ ตามทางหลวงหมายเลข 323 ประมาณ 4 กิโลเมตร แยกซ้ายประมาณ 400 เมตร มีป้ายบอกทางชัดเจน
ประวัติ
สะพานข้ามแม่น้ำแควเป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญยิ่งแห่งหนึ่ง เป็นสะพานที่สำคัญที่สุดของเส้นทางรถไฟสายมรณะ สร้างขึ้นสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยกองทัพญี่ปุ่นได้เกณฑ์เชลยศึกฝ่ายสัมพันธมิตร ได้แก่ ทหารอังกฤษ อเมริกัน ออสเตรเลีย ฮอลันดา และนิวซีแลนด์ประมาณ 61,700 คน สมทบด้วยกรรมกรชาวจีน ญวน ชวา มลายู ไทย พม่า (เมียนมาร์) และ อินเดีย อีกจำนวนมาก มาก่อสร้างทางรถไฟสายยุทธศาสตร์ เพื่อเป็นเส้นทางผ่านไปสู่ประเทศพม่า ซึ่งเส้นทางช่วงหนึ่งจะต้องข้ามแม่น้ำแควใหญ่ จึงต้องมีการสร้างสะพานขึ้น การสร้างสะพานและทางรถไฟสายนี้ เต็มไปด้วยความยากลำบาก ความทารุณของสงครามและโรคภัย ตลอดจนการขาดแคลนอาหาร ทำให้เชลยศึกหลายหมื่นคนต้องเสียชีวิตลง
สะพานข้ามแม่น้ำแควใช้เวลาสร้างเพียง 1 เดือน โดยนำเหล็กจากมลายูมาประกอบเป็นชิ้นๆ ตอนกลางทำเป็นสะพานเหล็ก 11 ช่วง หัวและโครงสะพานเป็นไม้ มีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2486 ต่อมาในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2487 ได้ถูกทิ้งระเบิดหลายครั้งจนสะพานหักท่อนกลาง ภายหลังสงครามสิ้นสุดลง รัฐบาลไทยได้ซ่อมแซมใหม่ด้วยเหล็กรูปเหลี่ยม เมื่อปี พ.ศ. 2489 จนสามารถใช้งานได้ ปัจจุบัน มีการยกย่องให้เป็น สัญลักษณ์แห่งสันติภาพ

วัดถ้ำเสือ

วัดถ้ำเสือ

ภาพจาก http://www.thailovetrip.com/view-bangkok.php?id_view=182

วัดเก่าแก่แต่โบราณกาล มีประวัติสืบย้อนไปได้ถึงปี พ.ศ. 2514 มีพระพุทธรูปปางประทานพรขนาดใหญ่ประดิษฐานอยู่บนเนินเขา พร้อมด้วยพระอุโบสถอัฏฐมุขทรงไทยประดับลวดลายสวยงาม และเจดีย์เกษแก้วมหาปราสาทสูง 69 เมตร กว้าง 29 เมตร สูงใหญ่โดดเด่นอลังการ จากเนินเขาสามารถชมวิวทิวทัศน์ทะเลสาบและเขื่อนวชิราลงกรณ์โดยรอบได้ในมุมกว้าง สำหรับผู้ข้อเข้าไม่ดี ทางวัดมีบริเวณลิฟท์ขึ้น-ลงเขา คนละ 10 บาท วัดถ้ำเสือ อ.ท่าม่วง จ.กาญจน์

อุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์ หรือปราสาทเมืองสิงห์

อุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์ หรือปราสาทเมืองสิงห์

เป็นเมืองโบราณตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำแควน้อย มีอายุอยู่ประมาณพุทธศตวรรษที่ 18 – 19 เป็นปราสาทศิลปะขอม มีเทวสถานนิกายมหายานอยู่ภายในบริเวณปราสาท มีกำแพงและคูน้ำล้อมรอบ ครอบคลุมพื้นที่กว่า 500 ไร่ มีการค้นพบโบราณสถานและโบราณวัตถุเป็นจำนวนมาก โดยได้แบ่งเขตสำคัญของปราสาทไว้ 3 ส่วน คือ โบราณสถานหมายเลขหนึ่ง เป็นหัวใจหลักของเมืองสิงห์ เป็นเส้นทางสู่ตัวปราสาท มีลานประกอบพิธีกรรม และเป็นที่ประดิษฐานพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ภาคเปล่งรัศมี โบราณสถานหมายเลขสอง เป็นสิ่งก่อสร้างด้วยศิลาแลงที่สร้างหลังจากโบราณสถานหมายเลขหนึ่ง และหลุมขุดค้นโครงกระดูก ซึ่งมีการค้นพบร่องรอยการตั้งถิ่นฐานที่มีอายุร่วม 2000 ปี

สถานที่ตั้ง ตำบลเมืองสิงห์ อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี

น้ำตกทีลอเล

น้ำตกทีลอเล

ภาพจาก http://www.thailovetrip.com/view-bangkok.php?id_view=324

น้ำตกทีลอเล  อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก ใช่เพียงแต่จะมีน้ำตกทีลอซูที่ยิ่งใหญ่น่าเที่ยวเท่านั้น สำหรับนักนิยมธรรมชาติ การได้ล่องเรือยางระยะทางกว่า 40 กิโลเมตร ผจญคลื่นและแก่งกว่า 11 แห่ง และแรมคืนกลางไพร เพื่อไปชมน้ำตก น้ำตกทีลอเล ที่ตั้ง : น้ำตกทีลอเลตั้งอยู่ในเขตผืนป่าตอนบนของลำน้ำแม่กลอง บริเวณรอยต่อระหว่างเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า อุ้มผางและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ที่เที่ยว
ล่องแก่ง : ในบรรดาสายน้ำเพื่อการล่องแก่งทั่วประเทศไทยต้องยกให้ว่าลำน้ำแม่กลองแห่งอุ้มผางนี้มีความงดงามในธรรมชาติสองฟากฝั่งมากที่สุด ตลอดทางผ่านเข้าป่าเขียวขจีโตรกผาสูง ฝูงนกป่า ฝูงลิง และสัตว์ป่า มีให้เห็นตลอดทางการล่องแก่งน้ำตกทีลอเลนั้น คือการล่องต้นแม่น้ำแม่กลองที่มีต้นกำเนิดมาจากเทือกเขาสูง

การเดินทาง
การเดินทาง จากตัวเมืองตาก ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 (ตาก – กำแพงเพชร) ระยะทาง 7 กิโลเมตร เลี้ยวขวาใช้ทางหลวงหมายเลข 105 (ไปอำเภอแม่สอด) ระยะทาง 87 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายใช้ทางหลวงหมายเลข 1090 (ไปอำเภออุ้มผาง) ระยะทาง 164 กิโลเมตรแล้วใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 1090 (อุ้มผาง – บ้านปะหละทะ)ระยะทาง 27 กิโลเมตร จากบ้านปะหละทะล่องแก่งไปน้ำตกทีลอเลใช้เวลา 5 – 6 ชั่วโมง รวมระยะทางจากตัวเมือง ตาก 285 กิโลเมตร

สวนน้ำแบคเมาเทนหัวหิน Black Mountain Water Park

Black Mountain Water Park

ภาพจาก http://www.thailovetrip.com/view-bangkok.php?id_view=283

Black Mountain Water Park เป็นสวนน้ำในหัวหินที่ได้รับมาตรฐานความปลอดภัยระดับสูงสุด ด้วยการมาพร้อมกับอุปกรณ์เครื่องเล่นอันทันสมัย คุณภาพเยี่ยม โดดเด่นด้วยหอคอยสูง 17 เมตร และเครื่องเล่นสไลเดอร์อันน่าตื่นเต้นกว่า 9 แบบ รวมไปถึง Wave Pool, Lazy River, ชายหาดเทียม, สวนน้ำสำหรับเด็ก ที่จะมาร่วมสร้างคลื่นยักษ์ให้คุณได้สุดเหวี่ยงไปกับท้องทะเลในฝัน เปลี่ยนวันธรรมดาของคุณให้กลายเป็นวันสนุกกับสวนน้ำที่ดีที่สุด เหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับพาเด็ก ๆ มาเล่นน้ำคลายร้อน
เวลาเปิด-ปิด : เปิดบริการทุกวัน เวลา 10.00-17.00 น.และวันเสาร์ เปิดช่วงกลางคืน เวลา 18.00-21.00 น.

อัตราค่าเข้าชม : เด็กอายุ 5-12 ปี ราคา 300 บาท และผู้ใหญ่ ราคา 600 บาท

ที่อยู่ : อยู่ถนนบายพาสชะอำ-หัวหิน กิโลเมตรที่ 25 อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์

โทรศัพท์ : 09 0446 6129, 0 3261 8444 และ 0 3261 8445

พระมหาธาตุเจดีย์ภักดีประกาศ บนยอดเขาธงชัยเขาธงชัย

พระมหาธาตุเจดีย์ภักดีประกาศ บนยอดเขาธงชัย

ภาพจาก http://www.thailovetrip.com/view-bangkok.php?id_view=253

พระมหาธาตุเจดีย์ภักดีประกาศ บนยอดเขาธงชัยเขาธงชัย จ.ประจวบคีรีขันธ์
เขาธงชัย มีสถานที่ให้ได้ท่องเที่ยว 3 ส่วน
– พระพุทธกิติสิริชัย (หลวงพ่อใหญ่)
– พระมหาธาตุเจดีย์ภักดีประกาศ (พระมหาเจดีย์ 9 ยอด)
– พระตำหนักกรมหลวงชุมพรฯ

พระพุทธกิติสิริชัย หรือ หลวงพ่อใหญ่ ชาวบ้านสร้างเพื่อถวายแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ เนื่องในวโรกาสที่ทรงพระชนมายุครบ 60 พรรษา พระพุทธกิติสิริชัย รูปทรงแบบคันทาราช (ปางตรัสรู้) ขนาดใหญ่ ลักษณะนั่งขัดสมาธิบนดอกบัวบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ประดิษฐานอยู่ด้านทิศตะวันออกอยู่บนยอดเขาธงชัย เป็นที่สักการะกราบไหว้ของประชาชนทั่วไป และยังเป็นจุดชมวิวที่สำคัญของชายหาดบ้านกรูด ความสยงามของอ่าวและทิวมะพร้าวสุดสายตา เหมาะสำหรับชมพระอาทิตย์ขึ้นและตก บนเขาธงชัยยังเป็นที่ตั้งของ ตำหนักกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ อันเป็นที่เคารพสักการะยิ่งของชาวเรือ จะเห็นตำหนักกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์สวยเด่นเป็นสง่าบนยอดเขาธงชัย เชื่อกันว่ากรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์เคยเสด็จมาประทับ ณ ที่แห่งนี้ เพื่อพักทอดสมอเรือรบ จึงสร้างสมอเรือจำลองไว้ที่พระตำหนักซึ่งหันหน้าออกทะเล บริเวณรอบๆ มีสวนไม้ดอกไม้ประดับ และสำนักสงฆ์ นอกจากนี้บนเขาธงชัยยังเป็นที่ประดิษฐานของ พระมหาธาตุเจดีย์ภักดีประกาศ หรือ พระมหาเจดีย์เก้ายอด พระปรางค์จัตุรมุขสูงสามชั้น ชาวบ้านกรูดร่วมใจสร้างเพื่อเฉลิมพระเกียรติในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองศิริราชสมบัติครบ 50 ปี

การเดินทาง
– รถยนต์ จากทางหลวงหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม) ประมาณกิโลเมตรที่ 382 เลี้ยวซ้ายไปตามถนนเพชรเกษม-บ้านกรูด ข้ามทางรถไฟไปประมาณ 9 กิโลเมตร ถึงถนนเลียบหาดบ้านกรูด
– รถไฟ ลงรถที่สถานีรถไฟบ้านกรูด แล้วใช้บริการรถจักรยานยนต์รับจ้าง
– รถโดยสารประจำทาง นั่งรถโดยสารประจำทางสายกรุงเทพฯ-บางสะพานน้อย ลงรถที่ปากทางเข้าบ้านกรูด แล้วต่อรถจักรยานยนต์รับจ้าง หรือรถสองแถวเข้าไป นักท่องเที่ยวสามารถเที่ยวได้ตลอดฤดูกาล

08.00-17.00 น.

มรดกศิลป์ ถิ่นทวารวดี

มรดกศิลป์ ถิ่นทวารวดี

 ภาพจาก http://www.thailovetrip.com/view-bangkok.php?id_view=398

มีประวัติสืบต่อกันมายาวนาน ตั้งแต่ก่อนประวัติศาสตร์ โดยมีชุมชนโบราณกระจายอยู่ทั่วไป ซึ่งนักโบราณคดีได้ค้นโครงกระดูกมนุษย์ กำไล ต่างหู ภาชนะดินเผา ฯลฯ จวบจนล่วงเข้าสู่ยุคประวัติศาสตร์ ในสมัยทวารวดี “เมืองคูบัว” ซึ่งตั้งอยู่ใน ต.คูบัว จ.ราชบุรี เป็นเมืองท่าที่สำคัญที่สุดในลุ่มแม่น้ำแม่กลอง ในช่วงหลัง พ.ศ.1200

โบราณสถานในเมืองคูบัว จะกระจายตัวอยู่ทั่วไป ปะปนกับชุมชนของชาวบ้านในปัจจุบัน บางแห่งก็อยู่ในระหว่างการขุดค้น ตกแต่ง โบราณสถานที่ตกแต่งแล้ว และสามารถเข้าชมได้ ได้แก่ โบราณสถานที่ วัดโขลงสุวรรณคีรี ซึ่งสันนิษฐานว่า น่าจะเป็นฐานของวิหารในสมัยทวารวดี มีลักษณะเดียวกันกับโบราณสถานเขาคลังในที่ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ นอกจากนั้น ในพื้นที่ ต.คูบัว ยังเป็นแหล่งตั้งถิ่นฐานของ ไทยยวน ซึ่งอพยพมาจากประเทศลาวตั้งแต่สมัยต้นรัตนโกสินทร์

ภายในวัดโขลงสุวรรณคีรี ยังเป็นที่ตั้งของ จิปาถะภัณฑ์สถาน ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านไทยยวน จัดตั้งโดย อาจารย์อุดม สมพร ภายในรวบรวมสิ่งของ เครื่องใช้ โบราณวัตถุ และจัดแสดงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของไทยวน รวมถึง ผ้าจกอันงดงาม เลื่องชื่อ นับว่า จิปาถะภัณฑ์สถาน บ้านคูบัว เป็นแหล่งความรู้เกี่ยวกับไทยยวนที่สมบูรณ์ที่สุดในภาคตะวันตก

นอกจากนั้น ผู้ที่สนใจศิลปะทวารวดี ยังสามารถหาชมพระสมัยทวารวดี ได้ที่ ถ้ำฤษีเขางู ซึ่งอยู่บริเวณเชิงเขา ในบริเวณสวนสาธารณะเขางู ตำบลเกาะพลับพลา ลักษณะเป็นถ้ำหรือศาสนสถานที่เกี่ยวเนื่องกับพุทธศาสนา ภายในถ้ำพบพระพุทธรูปจำหลักติดผนังถ้ำ เป็นพระพุทธรูปนั่งห้อยพระบาท ปางแสดงธรรมเทศนา ตามแบบพุทธศิลป์สมัยทวารวดี โดยรู้จักกันทั่วไปว่า พระพุทธฉายถ้ำฤาษีเขางู ลักษณะพระพักตร์แบน พระขนงเป็นเส้นนูนโค้งต่อกันเป็นรูปปีกกา พระเนตรโปน พระนาสิกแบน พระโอษฐ์หนา ขมวดพระเกศาใหญ่ มีรัศมีเป็นรูปดอกบัวตูม ระหว่างข้อพระบาทมีจารึกอักษรปัลลวะภาษาสันสกฤต อ่านว่า ปุญกรรมชระศรีสมาธิคุปตะ แปลว่า พระศรีสมาธิคุปตะเป็นผู้บริสุทธิ์ด้วยการทำบุญ นับเป็นร่องรอยศิลปะสมัยทวารวดีที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของ จ.ราชบุรี

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *

คุณอาจจะใช้ป้ายกำกับและคุณสมบัติHTML: <a href="" title=""> <abbr title=""> <acronym title=""> <b> <blockquote cite=""> <cite> <code> <del datetime=""> <em> <i> <q cite=""> <strike> <strong>

Free Web Hosting